บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวในระดับ 83,000 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาความสามารถในการฟื้นตัวของดัชนี S&P 500 แม้ว่าตลาดจะยังคงมีความผันผวน แต่ข้อมูลจากตลาดอนุพันธ์ของบิตคอยน์บ่งชี้ว่าโมเมนตัมยังคงเป็นขาขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าบรรดานักลงทุนรายใหญ่ไม่ได้คาดการณ์ถึงการปรับฐานรุนแรงเพิ่มเติม
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง 6.5% นับตั้งแต่จุดสูงสุดเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มระมัดระวังมากขึ้น และในช่วงเวลาเดียวกัน บิตคอยน์ก็ร่วงลงกว่า 16% อย่างไรก็ตาม ตลาดอนุพันธ์ส่งสัญญาณว่าการปรับฐานครั้งนี้อาจอยู่ในกรอบจำกัด โดยอัตราพรีเมียมของฟิวเจอร์สบิตคอยน์ที่มีอายุสัญญา 2 เดือนยังคงอยู่ที่ 6.5% ขณะที่อัตราส่วนของออปชันแบบ Put (สิทธิ์ขาย) และ Call (สิทธิ์ซื้อ) ยังคงสมดุล แสดงถึงเสถียรภาพของตลาด
ขณะที่วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ซินเทีย ลูมิส(Cynthia Lummis) เชื่อว่า ‘บางรัฐ’ อาจก้าวไปไกลกว่ารัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในการยอมรับบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรองทางยุทธศาสตร์ ซึ่งมีตัวอย่างชัดเจนจากมลรัฐยูทาห์ที่เพิ่งผ่านร่างกฎหมายในสภาผู้แทนฯ อนุมัติให้หน่วยงานของรัฐสามารถถือครองบิตคอยน์ได้สูงสุด 5% ของทุนสำรอง ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากวุฒิสภา
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของบิตคอยน์ในระยะสั้นยังคงพึ่งพาสถานการณ์ในตลาดการเงินดั้งเดิมเป็นหลัก โดยหุ้นของเทสลา(TSLA), ไต้หวันเซมิคอนดักเตอร์(TSM) และบรอดคอม(AVGO) ต่างเผชิญแรงเทขายจนร่วงลงกว่า 20% ท่ามกลางมุมมองเชิงลบต่ออุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์(AI) นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้น โดยธนาคารกลางสาขาแอตแลนตาคาดการณ์ว่า GDP ไตรมาสแรกอาจหดตัวถึง -2% สะท้อนความกังวลของนักลงทุนที่อาจหันไปถือสินทรัพย์ปลอดภัยแทน
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม กองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอตพบว่ามีเงินทุนไหลออกกว่า 74 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,080 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงท่าทีที่ระมัดระวังของนักลงทุนสถาบัน แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญมองว่าโอกาสที่บิตคอยน์จะทะลุ 90,000 ดอลลาร์ในระยะเวลาอันใกล้ยังคงจำกัด แต่หากดัชนี S&P 500 ฟื้นตัว ก็อาจทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอีกครั้ง
โดยรวมแล้ว ข้อมูลจากตลาดอนุพันธ์ของบิตคอยน์บ่งบอกว่ายังไม่มีแรงขายจำนวนมากเข้ามากดดันตลาด แต่อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจมหภาคอาจยังเป็นปัจจัยหลักที่ต้องจับตามองต่อไป
ความคิดเห็น 0