คาทาลิน ทิชเฮาเซอร์(Katalin Tischhauser) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของไซก์นัม(Sygnum) ธนาคารด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เปิดเผยว่า *บิตคอยน์(BTC)* กำลังเข้าสู่ภาวะ *ช็อกด้านอุปทาน* ซึ่งอาจส่งผลให้ราคามีแนวโน้มพุ่งขึ้นแรงกว่ารอบที่ผ่าน ๆ มา
ในการให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทิชเฮาเซอร์กล่าวว่า “ความต้องการในตลาดที่เพิ่มขึ้นสามารถสร้าง *เอฟเฟกต์ทวีคูณ* ได้อย่างรุนแรง เช่น ความต้องการเพิ่มขึ้นเพียง 1 ดอลลาร์ อาจผลักดันมูลค่าตลาดให้เพิ่มขึ้นถึง 20-30 ดอลลาร์” โดยปัจจัยเช่นการเปิดตัวกองทุน ETF บิตคอยน์แบบสปอต และการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบนี้อย่างชัดเจนแล้ว
ทิชเฮาเซอร์ยังชี้ว่า การที่อุปทานของบิตคอยน์ที่มีสภาพคล่องในตลาดมีน้อยมากเมื่อเทียบกับเงินทุนของนักลงทุนสถาบันที่รอเข้าสู่ตลาด เป็นอีกปัจจัยที่อาจกระตุ้น *ราคาพุ่งแรงภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า* โดยเขาระบุว่า ปริมาณบิตคอยน์ที่หมุนเวียนในตลาดได้ลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา และแนวโน้มนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น Strategy และ Twenty One Capital ที่ออกแบบมาเพื่อการเข้าถึงบิตคอยน์โดยเฉพาะ
เขายังกล่าวถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างที่สนับสนุนการแข็งค่าของบิตคอยน์ ได้แก่ การลดความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ แรงกดดันทางเศรษฐกิจมหภาค และภาพลักษณ์ของบิตคอยน์ในฐานะ *สินทรัพย์ที่ต้านเงินเฟ้อ* ซึ่งได้ขับเคลื่อนเม็ดเงินเข้าสู่ตลาดบิตคอยน์ ETF อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน บิตคอยน์ ETF ประสบภาวะเงินไหลออกเพียง 4 วันเท่านั้น
ขณะที่นิค ฟอสเตอร์(Nick Forster) ผู้ก่อตั้งบริษัทวิเคราะห์ DeFi อย่าง TheRive มองว่า บิตคอยน์กำลังเข้าสู่ *ช่วงพักฐานที่แข็งแรง* เพื่อปรับสมดุลจากการปรับตัวขึ้นก่อนหน้า ก่อนเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ โดยเขาระบุว่ามีการประเมินกันในกลุ่มนักวิเคราะห์ว่าบิตคอยน์อาจพุ่งแตะระดับ *200,000 ถึง 300,000 ดอลลาร์*
ในอีกด้านหนึ่ง บรรดานักลงทุนคริปโตยังให้ความสนใจกับโอกาสที่ *ประธานาธิบดีทรัมป์* จะได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง โดยมองว่าอาจเป็นปัจจัยบวกสำหรับบิตคอยน์ สอดคล้องกับมุมมองของทิชเฮาเซอร์ที่ชี้ว่า ห้วงเวลาเลือกตั้งซึ่งมีความไม่แน่นอนทางการเมืองสูง ส่งผลให้มีเงินไหลเข้าสู่กองทุน ETF บิตคอยน์ และกระตุ้นความต้องการในฐานะ *สินทรัพย์ปลอดภัย* เพิ่มขึ้นด้วย
ความคิดเห็น 0