Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ถือครองบิตคอยน์(BTC) มีสิทธิขอสัญชาติ! หลายประเทศเปิดโปรแกรมพำนักผ่านคริปโต

ถือครองบิตคอยน์(BTC) มีสิทธิขอสัญชาติ! หลายประเทศเปิดโปรแกรมพำนักผ่านคริปโต / Tokenpost

หลายประเทศทั่วโลกเริ่มเปิดโอกาสให้ผู้ถือครองคริปโตเคอร์เรนซีสามารถขอรับ 'สัญชาติหรือสิทธิการพำนัก' ผ่านโปรแกรมเฉพาะทาง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ถือครอง *บิตคอยน์(BTC)*, *อีเธอเรียม(ETH)* และ *เทเธอร์(USDT)* ที่ปัจจุบันสามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในการยื่นขอสัญชาติหรือการอยู่อาศัยระยะยาวในบางประเทศได้ ความเชื่อมโยงระหว่างคริปโตกับการโยกย้ายถิ่นฐานไม่ใช่เพียงแนวคิดในอนาคตอีกต่อไป แต่เริ่มกลายเป็นทางเลือกที่เกิดขึ้นจริงในหลากหลายภูมิภาค

ตัวอย่างเด่นคือประเทศวานูวาตู ประเทศหมู่เกาะในแปซิฟิกใต้ ซึ่งแม้รัฐบาลจะยังไม่รับคริปโตโดยตรง แต่อนุญาตให้เอเย่นต์ที่ได้รับใบอนุญาตสามารถรับชำระค่าใช้จ่ายผ่าน *บิตคอยน์* หรือ *เทเธอร์* ได้ ผู้สมัครเดี่ยวต้องจ่ายประมาณ 187,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.6 ล้านบาท ขณะที่ครอบครัว 4 คนอยู่ที่ 260,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.6 ล้านบาท) จุดเด่นคือขั้นตอนทั้งหมดสามารถดำเนินการแบบรีโมต และไม่มีข้อกำหนดเรื่องการอาศัยอยู่จริง *ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ถือครองยังได้รับยกเว้นภาษีเงินได้, ภาษีกำไรจากการขายสินทรัพย์ และภาษีมรดก* ถือเป็นทางเลือกที่ดึงดูดนักลงทุนคริปโตทั่วโลก

อีกภูมิภาคหนึ่งคือแคริบเบียน ซึ่งประเทศโดมินิกาและเซนต์ลูเซียเปิดโครงการ 'การลงทุนเพื่อขอสัญชาติ' โดยอิงจากคริปโตอย่างไม่ทางตรง โดมินิกากำหนดเงินบริจาคขั้นต่ำ 278,000 ดอลลาร์ (ราว 3.86 ล้านบาท) ขณะที่เซนต์ลูเซียเปิดทางเลือกทั้งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 333,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.63 ล้านบาท) หรือเงินบริจาค ทั้งสองประเทศรองรับการชำระด้วยคริปโตผ่านเอเย่นต์พันธมิตร นักลงทุนจะได้รับพาสปอร์ตภายในระยะเวลาไม่เกิน 9 เดือน และยังสามารถเดินทางแบบ *ไม่ต้องขอวีซ่าไปยังหลายประเทศทั่วโลก* ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมของนักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล

ในยุโรป โปรแกรม 'โกลเด้นวีซ่าแห่งโปรตุเกส' ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ตั้งแต่ปี 2023 โดยเปลี่ยนจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไปสู่การลงทุนในกองทุน โดยหลายกองทุนเปิดให้เข้าร่วมผ่าน *สินทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับบิตคอยน์* ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 ยูโร (ราว 7.24 ล้านบาท) และสามารถยื่นขอสัญชาติได้หลังจาก 5 ปี อีกทั้งยังมีเงื่อนไขการพักอาศัยต่ำสุดเพียง 7 วันต่อปี *และไม่เรียกเก็บภาษีจากคริปโตที่ถือระยะยาว* ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะกับนักลงทุนประเภท 'คริปโตโนแมด'

ในฝั่งละตินอเมริกา เอลซัลวาดอร์โดดเด่นด้วยการเปิดตัว 'ฟรีดอมวีซ่า' ในเดือนธันวาคม 2023 ซึ่งเป็นโครงการรับผู้อพยพอิง *เทคโนโลยีคริปโตอย่างเต็มรูปแบบ* รายปีจำกัดไว้ที่ 1,000 ราย โดยผู้สมัครสามารถชำระเงินลงทุน 1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 13.9 ล้านบาท) ด้วย *บิตคอยน์ หรือ เทเธอร์* ซึ่งจะนำไปใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และการศึกษา ผู้สมัครจ่ายหลักประกันเริ่มต้นเพียง 999 ดอลลาร์ ระหว่างรอการพิจารณา โครงการนี้ดำเนินการโดย *เทเธอร์* ที่ร่วมมือกับรัฐบาลท้องถิ่นทั้งหมด โดย *ไม่ต้องใช้สกุลเงินประจำชาติ แม้แต่บาทเดียว* และไม่มีข้อบังคับด้านการพำนัก

ปัจจุบัน ทางเลือกสำหรับการขอสัญชาติหรือสิทธิพำนักผ่านการถือครองคริปโตมีเพิ่มมากขึ้น โดยมูลค่าการลงทุนที่ต้องเตรียมมีตั้งแต่ 140,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.95 ล้านบาท) จนถึง 1 ล้านดอลลาร์ (13.9 ล้านบาท) แต่ละประเทศก็มีวิธีการรองรับที่ต่างกัน ตั้งแต่ *การแปลงคริปโตเป็นเงินสดก่อนชำระ* ไปจนถึง *การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรง* ดังนั้น สำหรับผู้ถือบิตคอยน์รายใหญ่ นักลงทุนระยะยาว หรือผู้ประกอบการดิจิทัล นี่อาจกลายเป็น *กลยุทธ์การโยกย้ายถิ่นฐาน* ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องการเคลื่อนไหว การประหยัดภาษี และการสร้างความมั่นคงในระดับระหว่างประเทศ.

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1