ธนาคารสหรัฐฯ เรียกร้องเลื่อนพิจารณาใบอนุญาตธนาคารของบริษัทคริปโต หวั่นกระทบระบบการเงิน
เมื่อวันที่ 27 (เวลาท้องถิ่น) กลุ่มสมาคมธนาคารสหรัฐฯ นำโดยสมาคมธนาคารอเมริกัน (ABA) ได้ร่วมกันยื่นหนังสือถึงสำนักงานควบคุมเงินตรา (OCC) เพื่อขอให้เลื่อนการพิจารณา *คำขอใบอนุญาตธนาคารระดับชาติของบริษัทคริปโต* โดยระบุว่าเรื่องนี้อาจเป็น *การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายครั้งใหญ่* และจำเป็นต้องมีการศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจ
บริษัทคริปโตที่ยื่นขอใบอนุญาตในครั้งนี้ ได้แก่ *เซอร์เคิล(Circle), ริปเปิล(Ripple Labs)* และ *ฟิเดลิตี ดิจิทัล แอสเซตส์(Fidelity Digital Assets)* หากได้รับการอนุมัติ บริษัทเหล่านี้จะสามารถเปิดบัญชีและให้บริการด้านการชำระเงินได้โดยตรง และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลาง ส่งผลให้สามารถให้บริการทางการเงินได้ทั่วประเทศ
ทว่าบรรดาธนาคารเกรงว่าการให้ใบอนุญาตลักษณะนี้จะ *บิดเบือนหลักการของธนาคารทรัสต์แบบดั้งเดิม* และอาจกระทบต่อ *ความเชื่อมั่นของสาธารณชนที่มีต่อระบบสถาบันผ่านธนาคาร* โดยในจดหมายระบุว่า *โมเดลธุรกิจของบริษัทเหล่านี้ขาดฟังก์ชันด้านบริการทรัสต์ที่เป็นหัวใจของธนาคารแบบเดิม* และเอกสารที่ยื่นมายัง *ไม่เพียงพอที่จะเปิดโอกาสให้สาธารณะรับรู้หรือแสดงความเห็นได้*
อีกทั้งยังมีการชี้ว่า การดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล *ไม่ถือเป็นการให้บริการทรัสต์อย่างแท้จริง* และการให้ใบอนุญาตในลักษณะนี้ *อาจถือเป็นการเปลี่ยนนโยบายสำคัญของ OCC* ซึ่ง *ควรผ่านกระบวนการรับฟังความเห็นอย่างโปร่งใสก่อนดำเนินการ* นอกจากนี้ หากอนุมัติให้บริษัทคริปโตเข้าระบบธนาคาร อาจเปิดทางให้บริษัทอื่นๆ ใช้โมเดลเดียวกันและก่อให้เกิด *ความเสี่ยงในระดับสูงต่อระบบการเงินของสหรัฐฯ*
ด้าน *เคทลิน ลอง(Caitlin Long)* ผู้ก่อตั้งธนาคารคริปโต *คัสโตเดีย แบงก์(Custodia Bank)* แสดงความคิดเห็นผ่าน X (ทวิตเตอร์เดิม) เมื่อวันที่ 29 ว่า *การออกใบอนุญาตโดยใช้เกณฑ์ผ่อนคลายแบบนี้ อาจกลายเป็นประเด็นฟ้องร้องในอนาคต* พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า *หากเปิดช่องให้ทำได้จริง ธนาคารทั่วไปก็อาจพยายามแปลงสถานะเป็นธนาคารทรัสต์เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดด้านทุนและการกำกับดูแลที่เข้มงวด*
กรณีนี้สะท้อนถึง *แรงปะทะทางนโยบายระหว่างแนวคิดเปิดรับคริปโตในยุคประธานาธิบดีทรัมป์* กับแนวทางกำกับเข้มข้นของ *รัฐบาลไบเดนในปัจจุบัน* ส่งผลให้ประเด็น *การอนุญาตให้บริษัทคริปโตเข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม* กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อาจเขย่าภูมิทัศน์ของวงการการเงินกระแสหลักในสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0