Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

อีเธอเรียม(ETH) สูญหายถาวรกว่า 913,000 เหรียญ มูลค่า 6.3 พันล้านวอน จากความผิดพลาดผู้ใช้งาน

อีเธอเรียม(ETH) สูญหายถาวรกว่า 913,000 เหรียญ มูลค่า 6.3 พันล้านวอน จากความผิดพลาดผู้ใช้งาน / Tokenpost

ประมาณ 0.76% ของอีเธอเรียม(ETH)ทั้งหมด หรือราว 913,111 ETH ซึ่งคิดเป็นมูลค่าราว 6,327 พันล้านวอน ถูกทำให้สูญหายไปอย่างถาวรเนื่องจากความผิดพลาดของผู้ใช้งาน ตามการวิเคราะห์โดย คอนเนอร์ โกรแกน(Conor Grogan) ผู้อำนวยการของคอยน์เบส(Coinbase) ที่ระบุว่าอีเธอเรียมเหล่านี้ไม่สามารถกู้คืนได้ เพราะถูกส่งไปยังที่อยู่กระเป๋าสตางค์ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้, เกิดข้อผิดพลาดในสมาร์ตคอนแทรกต์ หรือกระเป๋าเงินมัลติซิก(Multisig Wallet)ล้มเหลว

หนึ่งในกรณีที่ถูกพูดถึงคือกระเป๋าสตางค์พาริตี้ ซึ่งเคยถูกใช้งานโดยมูลนิธิ Web3 โดยแม้จะออกแบบให้รองรับฟีเจอร์มัลติซิก แต่สมาร์ตคอนแทรกต์หลักกลับถูกยกเลิก จนทำให้ 306,000 ETH ซึ่งในขณะนั้นมีมูลค่าราว 950 พันล้านวอน ถูกแช่แข็งอยู่ในระบบอย่างถาวร และแม้เวลาจะผ่านไปก็ยังไม่สามารถเบิกถอนได้ เนื่องจากไม่มีการฮาร์ดฟอร์กเพื่อกู้คืนเหรียญดังกล่าว

อีกตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักดีคือกรณีของควอดริกาCX(QuadrigaCX) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตของแคนาดาที่ล้มละลายไปแล้ว ซึ่งเคยเผลอส่งอีเธอเรียมจำนวน 60,000 ETH หรือประมาณ 416 พันล้านวอนไปยังสมาร์ตคอนแทรกต์โดยไม่ตั้งใจ จนส่งผลให้ไม่สามารถเรียกคืนได้ นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้นับพันที่ส่งโทเคนไปยัง ‘ที่อยู่เบิร์น’ จากความผิดพลาดในการกรอกที่อยู่ โดยโกรแกนระบุว่าเฉพาะที่อยู่เบิร์นเพียงอย่างเดียวก็มีการส่งอีเธอเรียมไม่ต่ำกว่า 25,000 ETH หรือราว 173 พันล้านวอนเข้าไป

ปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือจำนวนเหรียญที่สูญหายจากการที่ผู้ใช้ ‘ทำกุญแจส่วนตัว (private key) หาย’ ซึ่งหมายความว่าแม้จะยังถือครองอยู่ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ และข้อมูลส่วนนี้ยังไม่ถูกรวมอยู่ในการคำนวณปริมาณเหรียญที่สูญหาย โกรแกนแสดงความคิดเห็นว่า “จำนวนเหรียญที่สูญหายจริงน่าจะมากกว่าที่เราประเมินไว้ในรายงานอย่างเป็นทางการ”

อย่างไรก็ตาม การเผาเหรียญโดยเครือข่ายเองก็มีอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะหลังจากการอัปเกรด London Hard Fork ในปี 2021 ที่มาพร้อมกับข้อเสนอ EIP-1559 ซึ่งนำไปสู่การจัดเก็บค่าธรรมเนียมด้วยการเผาเงินโดยอัตโนมัติ และจนถึงตอนนี้มีอีเธอเรียมถูกเผาไปแล้วกว่า 5.3 ล้าน ETH หรือคิดเป็นมูลค่าราว 3.687 ล้านล้านวอน ซึ่งการเผานี้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘โครงสร้างลดอุปทาน’ ที่ถูกวางแผนไว้ล่วงหน้า แตกต่างจากกรณีของผู้ใช้ที่เป็นเหตุการณ์ ‘สุญเสียทรัพย์สินอย่างไม่ตั้งใจ’

แม้อีเธอเรียมจะเป็นแพลตฟอร์มที่มีการใช้งานสมาร์ตคอนแทรกต์อย่างแพร่หลายและรองรับกรณีการใช้งานหลายรูปแบบ แต่เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนถึง ‘ช่องโหว่สำคัญด้านความปลอดภัยของผู้ใช้’ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเพียงพอ ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จึงเห็นตรงกันว่าอนาคตของอุตสาหกรรมนี้จำเป็นต้องมี *การออกแบบกระเป๋าสตางค์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และระบบตรวจสอบที่อยู่ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม* เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียที่ไม่สามารถย้อนคืนได้อีกครั้ง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1