บิตฟาร์มส์(Bitfarms) บริษัทขุดบิตคอยน์(BTC) จากแคนาดา ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนสูงสุด 49.9 ล้านหุ้น หรือประมาณ 10% ของจำนวนหุ้นที่หมุนเวียนทั้งหมด โดยการซื้อคืนครั้งนี้ได้รับอนุมัติจากตลาดหลักทรัพย์โตรอนโต (TSX) และครอบคลุมทั้งใน TSX และแนสแด็ก(Nasdaq)
บริษัทจะเริ่ม ‘ซื้อคืนหุ้นในราคาตลาด’ ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม โดยจะดำเนินการต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 1 ปี จนถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 2026 หุ้นที่ซื้อคืนทั้งหมดจะถูก ‘นำไปเผาทิ้ง’ ส่งผลให้จำนวนหุ้นรวมลดลง ซึ่งอาจทำให้มูลค่าหุ้นของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สำหรับ TSX บิตฟาร์มส์ถูกจำกัดให้ซื้อหุ้นได้ไม่เกิน 494,918 หุ้นต่อวัน หรือไม่เกิน 25% ของปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ใน Nasdaq บริษัทจะสามารถซื้อได้ไม่เกิน 5% ของหุ้นหมุนเวียนทั้งหมด
หลังจากประกาศดังกล่าว ราคาหุ้นของบิตฟาร์มส์ในตลาดแนสแด็กปรับตัวเพิ่มขึ้นทันทีถึง *16.8%* ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดต่อทิศทางใหม่ของบริษัท เบน แก็กนอน(Ben Gagnon) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อธิบายว่า การซื้อหุ้นคืนครั้งนี้เป็นสัญญาณของ "ความมั่นใจในศักยภาพของบริษัท" และเห็นว่าราคาหุ้นในปัจจุบันยัง "ถูกประเมินค่าต่ำกว่าความเป็นจริง" นอกจากนี้เขายังระบุว่า บิตฟาร์มส์กำลังมุ่งสู่การเติบโตในธุรกิจศูนย์ข้อมูลสำหรับ ‘การประมวลผลสมรรถนะสูง’(HPC) และ *ปัญญาประดิษฐ์(AI)* ซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาวของบริษัท โดยเฉพาะการใช้โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในรัฐเพนซิลเวเนียเป็นฐานในการขยายธุรกิจ
บิตฟาร์มส์ก่อตั้งในปี 2017 และมีศูนย์ข้อมูลขุดบิตคอยน์รวม 15 แห่งกระจายอยู่ในสหรัฐฯ แคนาดา อาร์เจนตินา และปารากวัย โดยหุ้นของบริษัทซื้อขายอยู่ใน TSX และ Nasdaq ด้วยตัวย่อ *BITF* อย่างไรก็ตาม หลังเหตุการณ์บิตคอยน์ลดรางวัลครึ่งหนึ่ง ส่งผลต่อรายได้และกำไร บริษัทจึงเริ่มเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจจากการขุดมาเป็น HPC และ AI
ในไตรมาสแรกของปี 2025 บิตฟาร์มส์รายงานผลขาดทุนสุทธิ *36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 501 억원)* ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 6 เท่า เมื่อเทียบกับขาดทุน *6 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 83 억 원)* ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024 ขณะเดียวกัน อัตรากำไรขั้นต้นยังลดลงจาก 63% เหลือเพียง 43% สะท้อนผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงในการขุดบิตคอยน์อย่างชัดเจน
ภายใต้แรงกดดันทางการเงินนี้ บิตฟาร์มส์ยังคงเดินหน้าเปลี่ยนทิศทางทางธุรกิจ โดยเพิ่งได้รับวงเงินสินเชื่อ *300 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 4,170 억 원)* จากบริษัทการเงินแม็คควอรี(Macquarie) เพื่อขยายศูนย์ข้อมูล HPC ในเพนซิลเวเนีย และขายศูนย์ขุดในปารากวัยให้กับไฮฟ์ ดิจิทัล(Hive Digital) ในราคา *85 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 1,182 억 원)*
เบน แก็กนอน ยืนยันว่า “ในไตรมาสที่ผ่านมา เราบรรลุเป้าหมายสำคัญหลายประการภายใต้แผนขยายธุรกิจในสหรัฐฯ และทิศทางใหม่ด้าน HPC” พร้อมแสดงความตั้งใจที่จะดำเนินกลยุทธ์นี้ต่อไป ทั้งนี้ ในไตรมาสเดียวกัน บริษัทสามารถขุดบิตคอยน์ได้รวม *693 BTC* โดยต้นทุนผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ *47,800 ดอลลาร์(ประมาณ 6.64 ล้านวอน)* ต่อ 1 BTC ซึ่งถือเป็นต้นทุนที่สูงเมื่อเทียบกับราคาตลาดในปัจจุบัน และชี้ให้เห็นถึงความท้าทายด้าน ‘ความคุ้มทุน’
ในภาพรวม การซื้อคืนหุ้นของบิตฟาร์มส์และการขยายไปสู่อุตสาหกรรม HPC และ AI ถือเป็นกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อ ‘รับมือกับยุคหลังบิตคอยน์ลดรางวัล’ และเรียกคืนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในระยะสั้นในคราวเดียวกัน
ความคิดเห็น 0