ซัล กิลเบอร์ตี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของทีคูเรียม เทรดดิง(Teucrium Trading) เปิดเผยแผนการเปิดตัว *กองทุน ETF แบบเลเวอเรจที่อ้างอิงจากริปเปิล(XRP)* พร้อมทั้งวิจารณ์สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) และแกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler) ประธาน ก.ล.ต. อย่างตรงไปตรงมา โดยหยิบยกประสบการณ์ *ความสับสนในกระบวนการอนุมัติ ETF บิตคอยน์(BTC)* ที่บริษัทเคยเผชิญมาอธิบายถึงท่าทีมั่นใจใน XRP ครั้งนี้
ในการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ กิลเบอร์ตีระบุว่า เดิมที SEC มีท่าที *ไม่เห็นด้วย* ต่อคำขอ ETF ฟิวเจอร์สบิตคอยน์ โดยให้เหตุผลเรื่อง *สภาพคล่องในตลาดไม่เพียงพอ* จนทำให้เขาต้องยื่นถอนคำขอ แต่ทีคูเรียมก็ยังติดตามภาวะตลาดอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้นจึงยื่นเรื่องใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ความไม่คาดฝันเกิดขึ้นในปีเดียวกัน เมื่อเกนส์เลอร์ตัดสินใจให้อนุมัติ ETF ตามกฎหมายหลักทรัพย์มาตรา 1940 ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ใช้กับกองทุนรวม และมีระยะเวลาการพิจารณาเพียง *75 วัน* เทียบกับกระบวนการเดิมตามมาตรา 1933 ที่ใช้เวลานาน *ถึง 270 วัน* ส่งผลให้เจ้าใหญ่อย่างแบล็คร็อก(BlackRock) และฟิเดลิตี(Fidelity) สามารถเข้าตลาดได้ก่อน
*ความคิดเห็น* กิลเบอร์ตีบอกว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่ทั้ง *น่าอึดอัดใจและไม่ยุติธรรม*” และมองว่าทีคูเรียมที่ยื่นขอก่อนกลับต้องเสียโอกาสไปเพราะการเปลี่ยนกฎโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เขาตอกย้ำว่า นโยบายที่คลุมเครือเช่นนี้ส่งผลให้บริษัทพลาดช่องทางสำคัญในตลาด อย่างไรก็ดี เขายังยกกรณีที่เกรย์สเกล(Grayscale) ชนะคดีต่อ SEC ได้ โดยใช้แบบฟอร์ม ETF ของทีคูเรียมเป็นหนึ่งในข้อมูลอ้างอิงเพื่อสนับสนุนคำตัดสิน
แม้จะเจอเหตุการณ์ที่ไม่เป็นธรรม แต่ทีคูเรียมกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับยื่นขอ *“Double XRP” กองทุน ETF เลเวอเรจที่อิงกับ XRP* เพื่อหวังปักหมุดในตลาดคริปโตใหม่ กิลเบอร์ตีระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจากความเชื่อมั่นในประโยชน์ใช้งานของ XRP และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของรีเปิล(Ripple) เขาเผยว่า ไม่ได้ชื่นชอบเหรียญอื่นอย่างอีเธอเรียม(ETH) หรือโซลานา(SOL) เป็นพิเศษ แต่ *“สิ่งที่รีเปิลกำลังทำเพื่อปฏิวัติระบบชำระเงินข้ามพรมแดนคือแนวคิดที่จริงจังและมีแนวโน้มสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง”*
กิลเบอร์ตียังกล่าวเสริมว่า XRP มีศักยภาพในการเข้าไป *แทนที่ระบบ SWIFT* ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานการโอนเงินระหว่างประเทศในปัจจุบัน พร้อมย้ำว่า “*ความเร็วหมายถึงประสิทธิภาพ* และเพียงแค่ทำให้การโอนเงินเร็วขึ้น ก็ถือเป็นผลงานที่น่าประทับใจแล้ว” สำหรับกลยุทธ์ในครั้งนี้ ทีคูเรียมตั้งเป้าว่าจะไม่เน้น ETF แบบดั้งเดิม แต่จะใช้ความเชี่ยวชาญด้านตราสารอนุพันธ์พัฒนาโครงสร้างสินค้าการลงทุนแบบเฉพาะตัว เช่น Double XRP เพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดนักลงทุน
การเคลื่อนไหวของทีคูเรียมในรอบนี้สะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจของตลาดที่ยังมีต่อ SEC และเกนส์เลอร์ *ความคิดเห็น* พร้อมแสดงถึงความสนใจใหม่จากฝั่งสถาบันที่หันมาจับตา XRP กันมากขึ้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาว่า เมื่อทีคูเรียมหันหลังให้ *ความไม่ชัดเจนของ ETF บิตคอยน์* แล้วเลือกทาง XRP แทน จะส่งแรงสั่นสะเทือนต่ออนาคตตลาดคริปโต ETF เพียงใด
ความคิดเห็น 0