แม้ว่าโทนคอยน์(TON) จะปรับตัวลดลงมากกว่า 5% ภายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ยังมีเสียงจากนักวิเคราะห์บางส่วนที่มองว่าโทนคอยน์ยังคงมี ‘โอกาสปรับตัวขึ้น’ ในระยะข้างหน้า โดยอาลี มาร์ติเนซ (Ali Martinez) นักวิเคราะห์ด้านออนเชนชื่อดัง ระบุว่า หากโทนคอยน์ยังสามารถยืนเหนือต้นทุนสนับสนุนที่ *2.87 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,987 บาท)* ได้ ก็มีแนวโน้มที่จะกลับขึ้นไปแตะระดับ *5.30 ดอลลาร์ (ประมาณ 7,367 บาท)* อีกครั้ง
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) โทนคอยน์(TON) เคลื่อนไหวอยู่ที่ *3.13 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,353 บาท)* ลดลง 5.07% จากวันก่อนหน้า โดยร่วงจากจุดสูงสุดก่อนหน้าในวันเดียวกันที่ *3.26 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,531 บาท)* สะท้อนถึงแรงขายที่กดดันอย่างต่อเนื่อง ปริมาณการซื้อขายของโทนคอยน์ก็ลดลงเหลือเพียง *336.14 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 46,760 ล้านบาท)* หรือร่วงลงถึง *53.94%* เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ ที่ตามมา คือ แรงเทขายจากตลาดอัลต์คอยน์โดยรวม เกิดจากความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของ ‘บิตคอยน์(BTC)’ ในช่วงเวลาเดียวกัน
ตัวชี้วัด RSI (Relative Strength Index) ของโทนคอยน์อยู่ที่ *58.91* ซึ่งถือว่าอยู่ในโซนกลาง ไม่ได้บ่งชี้ว่าราคาอยู่ในช่วง ‘ซื้อมากเกิน’ หรือ ‘ขายมากเกิน’ ซึ่งสะท้อนภาวะ ‘รอปัจจัยใหม่’ ถ้าราคาไม่ถูกขายออกอย่างหนัก ก็มีโอกาสจะกลับมาฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ อาจทำให้เกิดความผันผวนอย่างฉับพลัน
สำหรับการกลับไปแตะระดับ *5.30 ดอลลาร์* โทนคอยน์จำเป็นต้องดึงปริมาณการซื้อขายกลับคืนมาก่อน และควรรักษาระดับราคาบริเวณ *3.30 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,587 บาท)* ให้ได้ จากนั้นเป้าหมายที่ต้องฝ่าให้ผ่านคือแนวต้านบริเวณ *3.57–3.60 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,957–5,004 บาท)* รวมถึงแนวต้านจิตวิทยาสำคัญที่ *4 ดอลลาร์ (ประมาณ 5,560 บาท)* ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายก่อนเกิดเทรนด์ขาขึ้นใหม่
ปัจจัยบวกที่สามารถกระตุ้นความคาดหวังของตลาดได้อีกทางหนึ่ง คือ ข่าวการได้รับ ‘วีซ่าทองคำ 10 ปี’ จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ของบุคคลสำคัญในระบบนิเวศของโทนคอยน์ ซึ่งกลายเป็นสัญญาณทางบวกจากภาครัฐ ที่อาจผลักดันแรงซื้ออีกระลอก ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า หากมีข่าวคล้ายคลึงกันเกิดขึ้นอีก อาจเป็นตัวเร่งให้โทนคอยน์ฟื้นตัวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยสรุป โทนคอยน์แม้จะอยู่ในภาวะ ‘พักฐาน’ ระยะสั้น แต่ ‘โครงสร้างตลาดยังเอื้อต่อการกลับตัวขึ้น’ โดยการฟื้นคืนปริมาณซื้อขายจะเป็นตัวชี้ขาดหลัก ต่อทิศทางตลาดในระยะถัดไป นักลงทุนควรจับตาแนวรับหลัก แนวต้าน และข้อมูลออนเชนอย่างใกล้ชิดในการประเมินโอกาสและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ความคิดเห็น 0