บิตคอยน์(BTC)และอีเธอเรียม(ETH)อาจครองภาพจำในตลาดมานาน แต่ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ‘อีเธอเรียม(ETH)’ และ ‘ริปเปิล(XRP)’ กลับกลายเป็นสองสินทรัพย์คริปโตที่ทำผลตอบแทนได้สูงสุดในกลุ่มสินทรัพย์หลัก โดยอีเธอเรียมพุ่งขึ้นถึง *52%* ส่วนริปเปิลเพิ่มขึ้น *45%* กลายเป็นคู่แข่งที่ตลาดไม่อาจมองข้าม
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจาก *ผลตอบแทนรายปี* จะเห็นว่า XRP กลับแซงอีเธอเรียมไปไกล โดยราคา XRP พุ่งขึ้นถึง *552%* นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่อีเธอเรียมกลับเพิ่มขึ้นเพียง *6.34%* เท่านั้น จากระดับ 3,432 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,768.5 ล้านบาท) มาอยู่ที่ 3,630 ดอลลาร์ (ราว 5,050.7 ล้านบาท)
สำหรับผลตอบแทน ‘ตั้งแต่ต้นปี’ (*YTD*), XRP ก็ยังคงเหนือกว่าอย่างชัดเจน โดยเพิ่มขึ้นจาก 2.08 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,891 บาท) มาอยู่ที่ 3.10 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,309 บาท) หรือคิดเป็น *49%* ในขณะที่อีเธอเรียมเพิ่มขึ้นเพียง *9.5%* ในช่วงเวลาเดียวกัน
แม้ตัวเลขผลตอบแทนจะกล่าวถึง XRP เป็นหลัก แต่อีเธอเรียมยังคงได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ โดยเฉพาะบริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่อย่างแบล็คร็อก และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคริปโตอย่าง Bit Digital ที่ต่างเทน้ำหนักเข้าซื้อ ETH อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน การถือครอง ETH โดยกลุ่มนักลงทุนสถาบันทะลุ *44,000 ล้านดอลลาร์* (ราว 6.1 แสนล้านบาท) ไปเรียบร้อยแล้ว
แม้ผลตอบแทนในรอบปีอาจดูห่างชั้น แต่อีเธอเรียมยังคงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์หลักในพอร์ตของกลุ่มทุนรายใหญ่ ในขณะที่ XRP เติบโตอย่างรวดเร็วจากความเคลื่อนไหวของตลาดและความสนใจจากนักลงทุนทั่วไป *ความคิดเห็น* จึงแบ่งออกเป็นสองฝั่ง: ฝั่งหนึ่งให้ความสำคัญกับความมั่นคงและการใช้งานจริงของ ETH อีกฝั่งเลือกที่จะเดินตามโอกาสจากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ XRP
ความคิดเห็น 0