บิตคอยน์(BTC) จำนวน 80,000 เหรียญ มูลค่ากว่า 1.08 แสนล้านวอน หรือราว 29,000 ล้านบาท ตามราคาปัจจุบัน สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการคริปโต ภายหลังถูกนำไปขายผ่านธุรกรรมแบบนอกตลาด (OTC) โดยบริษัทการลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดังอย่าง กาแล็กซีดิจิทัล(Galaxy Digital) ท่ามกลางความกังขาว่าเหรียญจำนวนนี้อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แฮกในอดีตเมื่อปี 2011
เมื่อวันที่ 24 ซีอีโอของบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน คริปโตควอนต์(CryptoQuant) ‘จู กี-ยอง’ ได้เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิมคือทวิตเตอร์) ว่า บิตคอยน์ชุดดังกล่าวอาจมีความเชื่อมโยงกับการแฮกของเว็บเทรด ‘มายบิตคอยน์(MyBitcoin)’ โดยระบุว่า "เหรียญเหล่านี้ไม่เคยเคลื่อนไหวใดๆ เลยตั้งแต่เดือนเมษายน 2011 ซึ่งตรงกับช่วงเวลาเกิดเหตุการณ์แฮกดังกล่าว" และหลังจากตรวจสอบพบว่า กระเป๋าเงินที่เก็บ BTC เหล่านั้นอยู่ในสภาพ *ไม่ได้ใช้งานตลอด 14 ปี*
มายบิตคอยน์ ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐฯ เคยถูกอ้างว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮกเกอร์จากแคนาดา 'แฮกแคนาดา(Hack Canada)' ซึ่งได้ขโมยคริปโตของลูกค้าคิดเป็นมูลค่า 72,000 ดอลลาร์สหรัฐในเวลานั้น หรือราว 1 ล้านบาท ก่อนจะมีการปิดตัวลง โดย ‘ทอม วิลเลียมส์’ ผู้ก่อตั้งของแพลตฟอร์มดังกล่าวได้หายตัวไป และแม้ในเดือนสิงหาคม 2011 เขาจะประกาศเรื่องการดำเนินการชดเชยความเสียหาย แต่จนถึงวันนี้ไม่มีใครยืนยันตัวตนหรือสถานที่อยู่ของเขาได้
ความเคลื่อนไหวของบิตคอยน์ที่ ‘หลับใหล’ มาอย่างยาวนานก่อนถูกขายทิ้งอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานว่า อาจมีแฮกเกอร์นิรนามหรือเจ้าของเว็บเทรดที่หายสาบสูญอยู่เบื้องหลัง และที่น่าตกใจคือ เหรียญเหล่านี้เพิ่มมูลค่าขึ้นถึง *มากกว่า 130,000 เท่า* หากเทียบกับราคาตอนเกิดเหตุแฮก
ทางกาแล็กซีดิจิทัล ชี้แจงว่า การขายบิตคอยน์ครั้งนี้เป็น ‘การปิดพอร์ตของนักลงทุนยุคแรกในช่วงเวลาซาโตชิ’ แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าบุคคลใดเป็นเจ้าของที่แท้จริง ซึ่งทำให้จู กี-ยอง ตั้งคำถามว่า "หากกาแล็กซีไม่ได้ทำการวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์ก่อนทำธุรกรรมดังกล่าว ก็ถือเป็นประเด็นที่ *น่ากังวลอย่างยิ่ง*"
แม้จะมีการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์จำนวนมากในครั้งนี้ แต่ราคาบิตคอยน์ยังคงทรงตัว โดยล่าสุด 1BTC ซื้อขายอยู่ที่ 117,686 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากวันก่อน มูลค่าตลาดรวมของบิตคอยน์ยังอยู่ที่ระดับ 2.35 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 3,266 ล้านล้านวอน แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของตลาดในระยะสั้น
*ความคิดเห็น:* กรณีนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนปัญหาความปลอดภัยของแพลตฟอร์มยุคแรก ๆ เท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นข้อจำกัดของเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่ถึงแม้ผู้คนจะสามารถติดตามธุรกรรมแบบ ‘ออนเชน’ ได้ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันตัวตนผู้อยู่เบื้องหลังได้อย่างแท้จริง นับเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนผลของการถือครองคริปโตในระยะยาวต่อความผันผวนของตลาดในอนาคต
ความคิดเห็น 0