กระแสการโจมตีแบบ *‘ประแจมังกี้มูลค่า 5 ดอลลาร์ (5 dollar wrench attack)’* กำลังทวีความรุนแรงในแวดวงคริปโต ส่งผลให้ความต้องการ ‘บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (custody service)’ พุ่งสูงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ การปล้นทรัพย์โดยใช้กำลังและการข่มขู่เพื่อเข้าถึงคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะกับบุคคลสำคัญในอุตสาหกรรมบล็อกเชน สร้างความวิตกกังวลให้กับทั้งนักลงทุนและผู้พัฒนา
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา นักลงทุนชื่อดังและผู้บริหารระดับสูงของบริษัทด้านคริปโตหลายรายตกเป็นเหยื่อของการโจมตีด้วยวิธีดังกล่าว ความเชื่อดั้งเดิมอย่าง *‘ไม่มีคีย์ ก็ไม่มีเหรียญ (Not your keys, not your coins)’* เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้น แม้ว่า ‘กระเป๋าเงินเย็น (cold wallet)’ จะให้การควบคุมสินทรัพย์ 100% แก่เจ้าของ แต่กลับกลายเป็นจุดอ่อนที่ชัดเจนในมุมของผู้โจมตีซึ่งมองเห็นเป็น ‘เป้าหมายเพียงจุดเดียว’
ปัญหานี้ยิ่งชัดเจนเมื่อคริปโตเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น และมีผู้ถือครองสินทรัพย์ในมูลค่าสูงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้การโจมตีทางกายภาพมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย *ความคิดเห็น* มีการเปลี่ยนแปลงในหมู่ผู้ถือครองที่เริ่มมองว่า การเก็บรักษาด้วยตนเอง (self-custody) นั้นไม่ปลอดภัยเท่าการใช้บริการจากองค์กรที่เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ส่งผลให้บริการ custody ของบริษัทใหญ่ ๆ ถูกจับตามองมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่กำลังมองหาวิธีปกป้องสินทรัพย์ของตน
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่า แนวโน้มนี้อาจเร่งให้คริปโตเข้าสู่ระบบกฎหมายและสถาบันเร็วขึ้น เนื่องจากความต้องการความปลอดภัยจะดึงให้ภาครัฐเริ่มพิจารณาออกกฎเกณฑ์และมาตรฐานบริการที่เข้มงวดขึ้น *ความคิดเห็น* หากบริการ custody ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนสถาบันและมีมาตรฐานที่ชัดเจน อาจกลายเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดคริปโตสู่กระแสหลัก
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งกล่าวถึงประเด็นสิทธิเสรีในการถือครองสินทรัพย์คริปโตอย่างเปิดเผยในเวทีหาเสียง เสริมความเป็นไปได้ที่นโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโตจะถูกผลักดันเร็วขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสการใช้งานและการปกป้องสินทรัพย์ในระยะยาว
ความคิดเห็น 0