สหรัฐเดินหน้าเสนอกฎหมายใหม่ ‘GENIUS’ ที่อาจพลิกโฉมตลาดสเตเบิลคอยน์ โดยผลักดันให้โครงการคริปโตเปลี่ยนจากการเน้น ‘สร้างผลตอบแทน’ ไปสู่ ‘การชำระเงินเป็นหลัก’ ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั่วโลก
เมื่อเร็วๆ นี้ ฟาเบียน ดอรี(Fabian Dori) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทการเงินดิจิทัลชั้นนำ ซิกนัม(Sygnum) ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph โดยระบุว่า *กฎหมาย GENIUS ได้รับการปรับปรุงให้แยกความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างสเตเบิลคอยน์ที่อิงกับอัตราดอกเบี้ยหรือรายได้ และสเตเบิลคอยน์ที่ใช้เพื่อการชำระเงินจริง* ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณสำคัญของการพัฒนา
ดอรีกล่าวต่อว่า ท่าทีดังกล่าวของสหรัฐกำลังปรับให้เข้าใกล้มาตรฐานของสหภาพยุโรป โดยเฉพาะ ‘MiCA’ หรือกฎระเบียบตลาดสินทรัพย์คริปโต ซึ่งช่วยปูทางไปสู่ *การกำหนดมาตรฐานระดับโลกด้านกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล* พร้อมทั้งชี้ว่า *สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เพียงแค่ข้อกฎหมาย แต่คือการสร้าง “ความชัดเจนทางกฎระเบียบ” ที่รอคอยกันมานาน*
“ผู้พัฒนาโครงการสเตเบิลคอยน์จะสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานในปัจจุบัน และกล้าสร้าง ‘แอปพลิเคชันเด็ด’ (Killer App) ใหม่ๆ สำหรับการชำระเงินและบริการทางการเงินที่ยังไม่เคยมีมาก่อน” ดอรีกล่าวโดยเน้นถึงโอกาสในการสร้างนวัตกรรม
ปัจจุบัน บรรดาบริษัทเทคโนโลยีและการเงินรายใหญ่กำลังติดตามการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างใกล้ชิด โดย *มาสเตอร์การ์ด* และ *เพย์พาล* กำลังวางระบบโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการใช้งานสเตเบิลคอยน์ภายใต้กรอบกฎหมาย ขณะที่ *อเมซอน* และ *วอลมาร์ต* เริ่มพิจารณานำสเตเบิลคอยน์มาใช้ในการจ่ายเงินเดือนและธุรกรรมข้ามชาติ
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่เน้นผลตอบแทน ดอรีแนะนำ *เงินลงทุนแบบโทเคนไรซ์ในกองทุนตลาดเงิน(Tokenized Money Market Funds)* ว่าอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า โดยกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐกำลังเสนอผลตอบแทนต่อปีราว 4-5% พร้อมให้ ‘สภาพคล่องรายวัน’ และ ‘ความมั่นคงของมูลค่า’ โดยไม่ทำให้ ‘สเตเบิลคอยน์สำหรับใช้จริง’ ต้องสูญเสียจุดแข็งไป
*ความคิดเห็น*: การผลักดันให้สเตเบิลคอยน์เน้นการใช้งานจริงและกำกับตามกฎหมายอย่างชัดเจน อาจเป็นก้าวสำคัญในการทำให้คริปโตเคอร์เรนซีเข้าสู่ระบบการเงินหลักอย่างแท้จริง
ความคิดเห็น 0