Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

สเตเบิลคอยน์เร่งแทรกตลาดการชำระเงินมูลค่า 23 ล้านล้านดอลลาร์ ท้าทายอำนาจบัตรเครดิต

สเตเบิลคอยน์เร่งแทรกตลาดการชำระเงินมูลค่า 23 ล้านล้านดอลลาร์ ท้าทายอำนาจบัตรเครดิต / Tokenpost

จากรายงานล่าสุดของเมซซารี รีเสิร์ช(Messari Research) ระบุว่า *สเตเบิลคอยน์* กำลังเร่งขยายบทบาทในโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินทั่วโลก โดยเริ่มแทรกซึมส่วนแบ่งของระบบบัตรเครดิตดั้งเดิม ด้วย *ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ*, *การชำระเงินแบบเรียลไทม์* และ *การเข้าถึงข้ามพรมแดน* สเตเบิลคอยน์จึงกลายเป็นทางเลือกทางการเงินที่สำคัญสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซทั่วโลก

ในขณะที่ *วีซ่า(Visa)* และ *มาสเตอร์การ์ด(Mastercard)* กำลังพัฒนาแนวทางของตัวเองเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์ ผู้ให้บริการเครือข่ายการชำระเงินอย่าง *สไตรป์(Stripe)* และ *ช้อปิฟาย(Shopify)* ก็ได้จับมือกับ *คอยน์เบส(Coinbase)* และ *เซอร์เคิล(Circle)* เพื่อนำสเตเบิลคอยน์อย่าง *ยูเอสดีคอยน์(USDC)* มาประยุกต์ใช้ในระบบการชำระเงินออนไลน์ที่สะดวกและเข้ากับความซับซ้อนของสภาพแวดล้อมการค้าปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น ความเคลื่อนไหวนี้ *ความคิดเห็น* ระบุว่าจะส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานเดิมของการชำระเงินเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อมูลจากรายงานของวีซ่าชี้ให้เห็นว่าตลาดการชำระเงินของผู้บริโภคทั่วโลกมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 41 ล้านล้านดอลลาร์ โดยในจำนวนนี้ มีถึง 23 ล้านล้านดอลลาร์ที่มีโอกาสถูกย้ายออกไปจากระบบบัตรเครดิต นี่คือโอกาสของ *สเตเบิลคอยน์* ที่จะเข้ามาแทนที่และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและประสบการณ์ของผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง ในช่วงต้นปี 2023 ปริมาณธุรกรรมแบบ B2B ด้วยสเตเบิลคอยน์ยังไม่ถึง 100 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน แต่ปัจจุบันตัวเลขนี้พุ่งถึง 3 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 30 เท่า

กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กถือเป็นผู้ได้รับผลกระทบที่ชัดเจนที่สุด โดย 89% ของธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐตอบว่า *พวกเขาได้รับประโยชน์อย่างน้อยหนึ่งอย่าง* จากการใช้สเตเบิลคอยน์ ทั้งการลดต้นทุนค่าธรรมเนียม, การเร่งกระบวนการชำระเงิน และการจัดการกระแสเงินสดได้อย่างแม่นยำ ทำให้การใช้งานสเตเบิลคอยน์เริ่มเข้าสู่ระดับที่มากกว่าการทดลอง และกลายเป็น *เครื่องมือทางการเงินที่แท้จริง* แล้วในปัจจุบัน อีกทั้งการเติบโตในระดับปฏิบัติการนี้ยังเริ่มสะท้อนผลบวกไปยังตลาดประเทศเกิดใหม่ ซึ่งธุรกิจขนาดเล็กกำลังเปิดรับนวัตกรรมทางการเงินมากขึ้น

ในอีกด้าน หลายบริษัทฟินเทค เช่น ช้อปิฟาย สไตรป์ และเรน(Rain) ต่างก็ก้าวเข้าสู่การพัฒนาการชำระเงินและออกบัตรโดยใช้ *สเตเบิลคอยน์เป็นพื้นฐาน* ทำให้การใช้ทรัพย์สินดิจิทัลบนเชนสามารถเกิดขึ้นโดยไม่ต้องแปลงเป็นเงินสด ใช้งานได้ทันที และขยายการเข้าถึงทางการเงินมากยิ่งขึ้น เจ้าของกิจการยังสามารถรับเงินได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ทำให้สามารถบริหารสภาพคล่องได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น

ขอบเขตของการใช้งานสเตเบิลคอยน์ยังพัฒนาไปสู่แนวคิดใหม่อย่าง *การชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ที่ออกโดยผู้ค้าเอง (Merchant-Issued Stablecoin)* ที่ไม่ใช่เพียงแค่วิธีรับชำระ แต่ยังเป็นเครื่องมือกระตุ้นยอดขายที่ปรับได้ตามต้องการ เช่น การแจกคูปองอัจฉริยะ วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และเชื่อมโยงกับระบบชำระเงินภายในซัพพลายเชน นวัตกรรมนี้อาจช่วย ‘ลดค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต’ และกระตุ้นการแข่งขันด้านราคาได้อย่างกว้างขวาง

นอกจากนี้ สเตเบิลคอยน์ยังได้เข้ามาผสานกับเทคโนโลยี *ปัญญาประดิษฐ์(AI)* เมื่อไม่นานนี้ คอยน์เบสเปิดตัว *โปรโตคอล x402* ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้กับ AI สำหรับการซื้อขายแบบอัตโนมัติในระดับจิ๋ว ณ เวลาจริง ทุกครั้งที่ AI เข้าถึงเว็บไซต์หรือ API ระบบจะสามารถประมวลผลการชำระเงินแบบออนเชนได้ทันที ทำให้กระบวนการซื้อขายระดับโลกสามารถดำเนินการได้แม้ในปริมาณมูลค่าต่ำมาก

*ความคิดเห็น* มองว่าการรวมกันระหว่าง AI และสเตเบิลคอยน์นี้คือสัญญาณสำคัญของโลกการชำระเงินในอนาคต ที่จะเป็นแบบ *อัตโนมัติ*, *ไร้พรมแดน*, *และเป็นแบบกระจายอำนาจ* ซึ่งในยุคถัดไป ‘สเตเบิลคอยน์’ จะไม่ได้เป็นเพียงผลิตภัณฑ์ในตลาดคริปโตอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นกลไกหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยตรงทั่วโลก

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1