ความสนใจของสถาบันการเงินต่อ ‘บิตคอยน์(BTC)’ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 มีสถาบันการเงินถึง 1,573 แห่งที่ถือครองบิตคอยน์ในระยะยาว
จากการวิเคราะห์ของ แซม คัลลาแฮน(Sam Callahan) นักวิเคราะห์และนักการศึกษาด้านบิตคอยน์ พบว่าข้อมูลที่รายงานต่อ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ(SEC) ผ่านแบบฟอร์ม 13F ระบุว่าสถาบันการเงินหลากหลายประเภท ทั้งธนาคาร, กองทุนเฮดจ์ฟันด์, ที่ปรึกษาการลงทุนที่จดทะเบียน(RIA), บริษัทจัดการสินทรัพย์ครอบครัว, กองทุนของมหาวิทยาลัย, กองทุนบำเหน็จบำนาญ และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ต่างก็มีการลงทุนในบิตคอยน์ อย่างไรก็ตาม คัลลาแฮนชี้ว่าข้อมูลจากแบบฟอร์ม 13F นั้นสะท้อนเพียง ‘สถานะซื้อ(Long Position)’ ทำให้ไม่สามารถระบุขนาดการลงทุนที่แท้จริงของสถาบันเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน
แม้ว่าสัดส่วนการลงทุนในบิตคอยน์ของสถาบันโดยเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 0.13% ของพอร์ตการลงทุนทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสถาบันเพิ่งเริ่มเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ในบางกรณียังพบว่าสถาบันบางแห่งมีการลงทุนที่มีนัยสำคัญ เช่น ‘โฮไรซอน ไคนีติกส์(Horizon Kinetics)’ ที่ถือครองบิตคอยน์คิดเป็น 16% ของสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (ราว 130 ล้านดอลลาร์) ขณะที่ ‘เบรซบริดจ์ แคปิตอล(Bracebridge Capital)’ จัดสรรเงินทุน 3.34 ร้อยล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 24% ของพอร์ตให้กับบิตคอยน์ ด้าน ‘ทิวดอร์ อินเวสต์เมนต์ คอร์ป(Tudor Investment Corp)’ และ ‘เบรแวน ฮาวเวิร์ด(Brevan Howard)’ มีการถือครองบิตคอยน์มูลค่า 4.36 ร้อยล้านดอลลาร์ (1.6%) และ 1.4 พันล้านดอลลาร์ (8.7%) ตามลำดับ
ในส่วนของบริษัททำตลาดและกองทุนเชิงปริมาณ เช่น ‘มิลเลนเนียม(Millennium)’, ‘เจน สตรีท(Jane Street)’ และ ‘ซิตาเดล(Citadel)’ พบว่าพวกเขาถือครองบิตคอยน์ ETF เป็นหลักเพื่อใช้สำหรับการทำกำไรจากส่วนต่างราคา ขณะที่ ‘เจพีมอร์แกน(JPMorgan)’ และ ‘โกลด์แมนแซคส์(Goldman Sachs)’ ก็มีการถือครองบิตคอยน์ ETF เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทำตลาดของตน
แม้ว่าจำนวนสถาบันการเงินที่เข้าถือครองบิตคอยน์จะเพิ่มขึ้น แต่ข้อมูลจากแบบฟอร์ม 13F ระบุว่ายังมีเพียง 19% ของสถาบันที่แสดงสถานะการลงทุนในบิตคอยน์ คัลลาแฮนให้ความเห็นว่า "สถาบันการเงินหลายแห่งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเข้าสู่ตลาดนี้ หากมีสถาบันเข้ามาถือครองเพิ่มมากขึ้น เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทั้งในแง่ของราคาและปัจจัยพื้นฐานของตลาดบิตคอยน์"
นอกจากนี้ แบบฟอร์ม 13F ยังแสดงให้เห็นว่าการกล่าวถึง ‘บิตคอยน์’ และ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ ในเอกสารที่ยื่นต่อ SEC อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าสถาบันต่าง ๆ กำลังให้ความสนใจมากขึ้น โจอาว เวดสัน(Joao Wedson) ผู้ก่อตั้ง ‘อัลฟราแทล(Alphractal)’ ให้ความเห็นว่า "การที่ SEC ได้รับรายงานเกี่ยวกับบิตคอยน์และอีเธอเรียมเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์สะท้อนให้เห็นว่ากระแสการลงทุนจากสถาบันกำลังมาแรง"
ขณะเดียวกัน มีการวิเคราะห์ว่าแนวทางสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลของ ‘ประธานาธิบดีทรัมป์’ อาจเป็นปัจจัยเร่งให้สถาบันการเงินเข้าสู่ตลาดนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ฝั่งนักลงทุนรายย่อยยังคงอยู่ในโหมดรอดูสถานการณ์ ส่งผลให้ตลาดโดยรวมยังไม่เกิดการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน
ความคิดเห็น 0