เดวิด ชวาร์ตซ์( David Schwartz) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของริปเปิล(XRP) ออกมาเตือนว่า หากราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงอย่างหนัก บริษัทไมโครสเตรทจี(MSTR) อาจได้รับ ‘ผลกระทบรุนแรง’ เนื่องจากมีการลงทุนในบิตคอยน์ด้วย ‘เลเวอเรจที่สูงมาก’ โดยเขาระบุว่า “หากบิตคอยน์ราคาร่วงลงอย่างเร็วจนถึงจุดหนึ่ง ไมโครสเตรทจีน่าจะไม่สามารถรับมือได้”
คำเตือนของชวาร์ตซ์มีขึ้นท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อไมโครสเตรทจีที่เริ่มร้อนแรงขึ้นในโซเชียลมีเดีย โดยชวาร์ตซ์กล่าวในโทนที่เข้มข้นกว่าปกติว่า “บริษัทนี้พึ่งพาการฟื้นตัวของบิตคอยน์มากเกินไป” เนื้อหาดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือ Twitter) ขณะเดียวกัน นิค โอนีล(Nick O'Neill) ครีเอเตอร์ด้านเว็บ3 ที่เคยเผยแพร่วิดีโอวิจารณ์ไมโครสเตรทจี ได้ออกแถลงการณ์เปลี่ยนจุดยืนกะทันหัน โดยยืนยันว่า “ไมโครสเตรทจีไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ และไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) เป็นคนที่ซื่อสัตย์และถูกกฎหมาย”
อย่างไรก็ตาม อินเทอร์เน็ตคอมมูนิตี้ตั้งข้อสงสัยต่อการพลิกจุดยืนของโอนีล โดยคาดการณ์ว่าอาจมีแรงกดดันทางกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ใช้รายหนึ่งถึงกับแสดงความเห็นเชิงขำว่า “ถ้าโดนขู่จริงก็กะพริบตาสองครั้งสิ” ด้านชวาร์ตซ์เองก็เห็นด้วย โดยเชื่อว่าโอนีลน่าจะพูดความจริงในคลิปแรก พร้อมเสริมว่า “คนเราไม่ควรกลัวที่จะวิจารณ์บริษัทใดบริษัทหนึ่งอย่างตรงไปตรงมา”
เขายังกล่าวเน้นถึงความจำเป็นในการสร้างสมดุลระหว่าง ‘เสรีภาพในการแสดงความเห็น’ และ ‘ความสามารถในการตอบโต้ขององค์กร’
ไมโครสเตรทจีถือเป็นนักลงทุนภาคธุรกิจรายใหญ่ที่สุดที่ถือครองบิตคอยน์ โดยมีบิตคอยน์สะสมมากกว่า 226,331 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 1.73 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 1.244 พันล้านดอลลาร์ตามราคาตลาดปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ย่อมมาพร้อมความเสี่ยงสูงหากตลาดเข้าสู่ขาลง ซึ่งชวาร์ตซ์ก็ได้เตือนว่า สิ่งที่ไมโครสเตรทจีกำลังทำคือ ‘การเก็งกำไรด้วยเลเวอเรจ’ อย่างชัดเจน
คำกล่าวของชวาร์ตซ์สามารถตีความได้ว่าเป็นการผลักดัน **การทบทวนกลยุทธ์พอร์ตระยะยาวของบริษัทคริปโต** โดยเฉพาะในกรณีที่พอร์ตมีการกระจุกอยู่ในคริปโตสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของทั้งองค์กร สะท้อนเป็นคำเตือนสำคัญสู่บรรดานักลงทุนในตลาดคริปโตอย่างไม่มีข้อยกเว้น
ความคิดเห็น 0