Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

แรงกดดันเงินเฟ้อฉุดบิตคอยน์(BTC) ร่วง 1.58% นักลงทุนจับตาประชุม FOMC และแจ็กสันโฮล

แรงกดดันเงินเฟ้อฉุดบิตคอยน์(BTC) ร่วง 1.58% นักลงทุนจับตาประชุม FOMC และแจ็กสันโฮล / Tokenpost

ตามรายงานล่าสุดจากบริษัทเอเอ็มแมเนจเมนต์(AM Management) เมื่อวันที่ 24 ตลาดโลกกำลังเผชิญความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นหลังข้อมูลเศรษฐกิจหลักของสหรัฐส่งสัญญาณขัดแย้งกัน โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า แสดงสัญญาณความมั่นคง แต่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) กลับพุ่งขึ้น 0.9% ส่งผลให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันจากเงินเฟ้ออีกครั้ง ซึ่งส่งผลต่อราคาบิตคอยน์(BTC) ที่ลดลง 1.58% ปิดที่ระดับ 117,405 ดอลลาร์

ในแง่นโยบายการเงิน เหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นคือการประชุมแจ็กสันโฮลในวันที่ 21 สิงหาคม และการเปิดเผยรายงานประชุม FOMC ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวแปรหลักต่อทิศทางตลาด ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอยู่ที่ช่วง 4.25% ถึง 4.50% โดยตลาดประเมินว่ามีความเป็นไปได้ถึง 84.6% ที่ FOMC จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนกันยายน ยังมีการคาดว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจตามมาในเดือนตุลาคมและธันวาคม แต่ก็ยังมี ‘ความไม่แน่นอน’ เกี่ยวกับทิศทางสุดท้ายของนโยบายการเงิน

เอเอ็มแมเนจเมนต์มองว่า ในช่วงเวลานี้ ‘ความเสี่ยงเชิงนโยบาย’ กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบตลาดมากกว่าเงินเฟ้อ ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาของแนวนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ หรือข้อกังขาเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของข้อมูลเศรษฐกิจ ทั้งหมดนี้กระทบโดยตรงต่อ ‘ความเชื่อมั่น’ ของนักลงทุน ซึ่งข้อมูลผลประกอบการผู้ค้าปลีกและตัวเลขตลาดที่อยู่อาศัยที่จะประกาศเร็ว ๆ นี้ อาจให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับทิศทางของตลาด

ในตลาดคริปโต ขณะนี้แรงกดดันขาลงระยะสั้นเริ่มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดฟิวเจอร์ส CME ที่นักลงทุนสถาบันยังเดินหน้าถือ ‘สถานะซื้อ (Long)’ บิตคอยน์ต่อเนื่อง แต่ในอีกด้านกองทุนประเภทเลเวอเรจกลับเพิ่ม ‘สถานะขาย (Short)’ ทำให้เกิดภาวะตึงเครียดด้านทิศทางตลาดอย่างชัดเจน โดยสถานะสุทธิของฝั่ง Short จากเลเวอเรจฟันด์เพิ่มขึ้นจาก 14,098 สัญญาเป็น 15,616 สัญญา ขณะที่ฝ่ายสถานะ Long จากกลุ่มบริหารสินทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 7,959 สัญญาเป็น 8,438 สัญญา สะท้อนภาพตลาดที่ยัง ‘ไม่มีทิศทางชัดเจน’

นักวิเคราะห์ยังมองว่า หากบิตคอยน์ยังไม่หลุดแนวรับทางเทคนิคที่ 112,000 ดอลลาร์ และสามารถทะลุระดับ 117,000 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง อาจเห็นแรงซื้อกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การที่ BTC ดัชนีดอมิแนนซ์หลุดระดับ 60% อาจเปิดทางให้ ‘อัลต์คอยน์’ บางสกุลมีโอกาสเติบโต ตัวอย่างเช่น อีเธอเรียม(ETH) ที่ดัชนีดอมิแนนซ์เพิ่มขึ้น 4.1% มาอยู่ที่ 13.69% ในช่วงการวิเคราะห์ ส่วน USDT อยู่ที่ 4.24% แสดงถึงการไหลเวียนของสภาพคล่องที่ยังมีเสถียรภาพ

เอเอ็มแมเนจเมนต์สรุปว่า บิตคอยน์อยู่ในช่วง ‘พักฐาน’ หลังจากสร้างจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ ซึ่งปัจจัยการตัดสินใจหลักจะขึ้นอยู่กับสัญญาณจากแจ็กสันโฮลและการประชุม FOMC ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยแนวรับที่ 115,000 ดอลลาร์ และการกลับขึ้นสู่ระดับดอมิแนนซ์ 60% ของ BTC จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อแนวโน้มในระยะกลางของตลาดคริปโตในอนาคต

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1