การไหลออกของเงินทุนจากกองทุนที่เกี่ยวข้องกับ *บิตคอยน์(BTC)* และ *อีเธอเรียม(ETH)* เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยเฉพาะในส่วนของ *บิตคอยน์ ETF* ที่มีการไหลออกถึงกว่า 300% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า ขณะเดียวกัน *อีเธอเรียม ETF* ก็ประสบกับการไหลออกครั้งใหญ่ ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองของเดือนนี้ที่มีตัวเลขใกล้เคียงกับสถิติสูงสุด
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของ Farside Investors บริษัทวิจัยการลงทุนจากสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า *บิตคอยน์ ETF* มีเงินทุนกว่า 523 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,265 ล้านบาท) ไหลออกในวันเดียว ซึ่งเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าถึง 4 เท่า ขณะเดียวกัน *อีเธอเรียม ETF* ก็พบการไหลออกสุทธิที่ 422 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,866 ล้านบาท) ซึ่งมากกว่าวันก่อนหน้าที่มีการไหลออก 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,780 ล้านบาท) ถึงสองเท่า
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางการปรับฐานอย่างรุนแรงของตลาดคริปโต โดยข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่า ราคาของ *บิตคอยน์* และ *อีเธอเรียม* ได้ลดลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่วันพุธของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย *บิตคอยน์* ลดลง 8.3% และ *อีเธอเรียม* ลดลง 10.8% ส่งผลให้ในช่วง 3 วัน มีเม็ดเงินรวมกว่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18,070 ล้านบาท) ไหลออกจากกองทุนที่มีสินทรัพย์อ้างอิงเป็นสองสกุลเงินดิจิทัลหลัก
ในแง่ของแต่ละกองทุน *ฟิเดลิตี อินเวสต์เมนท์* หนึ่งในสถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐ กลายเป็นผู้นำในการไหลออกของเงินทุนในวันดังกล่าว โดยกองทุน ‘Wise Origin Bitcoin Fund(FBTC)’ ของบริษัทมีเงินทุนไหลออก 247 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,432 ล้านบาท) และ ‘Fidelity Ethereum Fund(FETH)’ มีการไหลออกถึง 156 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,168 ล้านบาท) รวมยอดไหลออกจากทั้งสองกองทุนกว่า 403 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,600 ล้านบาท) ภายในวันเดียว
ขณะที่ *เกรย์สเกล อินเวสต์เมนท์* ผู้จัดการสินทรัพย์คริปโตรายใหญ่ ก็ไม่ต่างกัน โดยกองทุน ‘Grayscale Bitcoin Trust ETF(GBTC)’ มีเงินทุนไหลออก 116 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,612 ล้านบาท) และ ‘Grayscale Ethereum Trust(ETHE)’ ถูกถอนออกไปถึง 122 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,696 ล้านบาท)
ความคิดเห็น: การไหลออกอย่างต่อเนื่องระดับนี้สะท้อนถึงความอ่อนแอของจิตวิทยาการลงทุนในตลาดคริปโตในช่วงนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่านักลงทุน ETF หลายรายกำลังหันมาใช้กลยุทธ์แบบ *ป้องกันความเสี่ยง* มากขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายของทรัมป์ที่เริ่มส่งผลต่อการปรับพอร์ต โดย ‘สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง’ อย่างคริปโตถูกขายทิ้งเป็นลำดับแรกในช่วงพิจารณาการจัดสรรสินทรัพย์ใหม่
ความคิดเห็น 0