บิตคอยน์(BTC) ที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดอีกครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ตามคำเตือนของไมค์ แมคโกลน(Mike McGlone) นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Bloomberg ที่โพสต์บนแพลตฟอร์ม X (หรือชื่อเดิม Twitter) เมื่อวันที่ 22 ว่า การที่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างบิตคอยน์ หุ้น ทองคำ และพันธบัตร ต่างพากันปรับตัวขึ้น อาจกระตุ้นให้ Fed เปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงิน
แมคโกลน ระบุว่า ตลาดที่ร้อนแรงพร้อมกันหลายตัวเช่นนี้ ถือเป็น ‘สัญญาณ’ ของภาวะฟองสบู่ และเมื่อผ่านช่วงซัมเมอร์ที่มักมีปริมาณการซื้อขายต่ำ ความผันผวนที่รุนแรงก็อาจปะทุขึ้นได้ ปัจจุบัน บิตคอยน์ลดลงจากจุดสูงสุดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 119,111 ดอลลาร์ มาที่ 111,980 ดอลลาร์ หรือราว 15.5 ล้านบาท
ความกังวลสำคัญคือ หากบิตคอยน์และสินทรัพย์อื่น ๆ ยังคงวิ่งขึ้นต่อไป จะยิ่งหนุน ‘แรงกดดันด้านเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยพันธบัตร’ มากขึ้น ซึ่งหมายถึง Fed อาจจำเป็นต้อง ‘กลับเข้าสู่ท่าทีเข้มงวดทางนโยบาย’ อีกครั้ง ซึ่ง ‘ขัดแย้ง’ กับท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้เรียกร้องให้มีการลดดอกเบี้ยในปีนี้
แมคโกลน เสริมว่า “ถ้าสินทรัพย์เสี่ยงยังทะยานต่อเนื่อง Fed ก็อาจต้องเดินในทิศทางตรงข้ามกับที่ตลาดต้องการ” และนั่นอาจนำไปสู่ ‘มาตรการสวนกระแสความคาดหวัง’ ของนักลงทุน กลายเป็นแรงกดดันต่อทิศทางตลาดในอนาคต ถึงแม้ว่าในปีนี้ ฝ่ายการเมืองของสหรัฐจะกดดัน Fed ให้ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
แต่ในท่ามกลางความกังวลเรื่องนโยบายการเงิน บิตคอยน์ยังคงได้รับแรงหนุนจากการซื้อในระดับสถาบัน โดยบริษัทของไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) อย่างสแตรทีจี(Strategy) ได้ซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 430 BTC ในสัปดาห์นี้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ *51.4 ล้านดอลลาร์ (ราว 714 ล้านบาท)* ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทถือครองบิตคอยน์รวม 629,376 BTC ซึ่งมีมูลค่า *มากกว่า 70,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 97.3 ล้านล้านบาท)* จากราคาตลาดล่าสุด
บริษัทสแตรทีจียังระดมทุนอย่างต่อเนื่องผ่านผลิตภัณฑ์การเงินต่าง ๆ ของบริษัท เช่น MSTR, STRC, STRK, STRF และ STRD โดย *การเพิ่มขึ้นของดีมานด์บิตคอยน์จากสถาบันการเงินขนาดใหญ่* ถือเป็น ‘รากฐาน’ สำคัญที่อาจผลักดันราคาเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์ตามมุมมองของ Bloomberg ราคาสินทรัพย์ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ Fed กลับเข้าสู่จุดยืนเชิงเข้มงวด โดยเฉพาะเมื่อ *บิตคอยน์ทำหน้าที่เสมือน ‘ทองคำดิจิทัล’* มากขึ้นเรื่อย ๆ และเชื่อมโยงกับทิศทางเศรษฐกิจมหภาคอย่างใกล้ชิด
ผู้เชี่ยวชาญในตลาดจึงแนะนำให้นักลงทุนปรับกลยุทธ์ให้รอบคอบมากขึ้น โดยเน้น *การบริหารพอร์ตโฟลิโออย่างระมัดระวัง*, สร้างความมั่นคงต่อความเสี่ยงจากราคาที่อาจผันผวน และติดตามนโยบายของ Fed อย่างใกล้ชิดในช่วงเวลานี้
ความคิดเห็น 0