คณะกรรมการซื้อขายล่วงหน้าแห่งสหรัฐ(CFTC) เตรียมยกระดับการตรวจสอบตลาดโดยนำเทคโนโลยี ‘การเฝ้าระวังทางการเงิน’ ที่พัฒนาโดยแนสแด็ก(Nasdaq) มาใช้ ขณะเดียวกัน ‘ทรัมป์’ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ประกาศให้บริษัทสื่อของเขาถือเงินสำรองมูลค่ากว่า *6.4 ล้านล้านวอน* ผ่านสินทรัพย์ที่อิงกับคริปโตอย่าง ‘ครอโนส(CRO)’ ซึ่งส่งผลให้ราคาของ *ครอโนส* พุ่งขึ้นทันทีถึง 40% ภายในวันเดียว
ตามรายงานเมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) การเคลื่อนไหวนี้ของ *CFTC* เป็นความพยายามแทนที่ระบบเก่าที่ใช้งานมาตั้งแต่ทศวรรษ 1990 โดยแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์จากแนสแด็กจะมีบทบาทสำคัญในการตรวจจับ ‘การปั่นราคาและการซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายใน’ ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล *แบบเรียลไทม์*
โทนี ซิโอ(Tony Sio) ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมด้านการกำกับดูแลของแนสแด็กให้ข้อมูลว่า “ระบบของเรามีอัลกอริธึมเฉพาะสำหรับตลาดคริปโตที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติได้ ไม่เพียงแค่มองคำสั่งซื้อขายในแต่ละแพลตฟอร์ม แต่ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลแบบ *ข้ามตลาด* ระหว่างการเงินดั้งเดิมกับตลาดคริปโตด้วย” โดยข้อมูลหลักจะถูกรวบรวมโดย *CFTC* เอง
ในวันเดียวกัน บริษัททรัมป์มีเดียแอนด์เทคโนโลยี กรุ๊ป ได้เปิดเผยเงินทุนสำรองมูลค่า *4.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือราว *6.4 ล้านล้านวอน* ซึ่งประกอบด้วยสินทรัพย์ที่อยู่บนเครือข่ายของครอโนส ความเคลื่อนไหวนี้ส่งผลต่อราคา *ครอโนส(CRO)* อย่างรวดเร็ว โดยราคาพุ่งขึ้น *40%* ภายใน 24 ชั่วโมง ขณะที่ ‘ความคิดเห็น’ จากนักลงทุนบางรายมองว่า ท่าทีสนับสนุนคริปโตของ *ทรัมป์* เป็นสัญญาณเชิงบวกต่อระบบนิเวศของครอโนสในระยะยาว
อีกด้านหนึ่ง กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสินต่อผู้ร่วมก่อตั้ง *แฮชแฟลร์(HashFlare)* ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานหลอกลวงการลงทุนเหมืองคริปโต มูลค่าความเสียหายกว่า *577 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือประมาณ *8.02 หมื่นล้านวอน* การยื่นอุทธรณ์ครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงจุดยืนที่แข็งกร้าวของทางการต่อคดีลักษณะเดียวกันในอนาคต
ในภาพรวม มาตรการล่าสุดของทางการสหรัฐโดยเฉพาะ *CFTC* สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้าง *ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือให้กับตลาดคริปโต* ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้เหล่านักลงทุนสถาบันมีความมั่นใจมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ตลาดคริปโตเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ความคิดเห็น 0