อีเธอเรียม(ETH) ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 4,600 ดอลลาร์ (ราว 6.39 ล้านบาท) ในช่วงต้นสัปดาห์ ท่ามกลางแรงซื้อที่กลับมาอีกครั้ง ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มกลับมามีความมั่นใจ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังคงเตือนให้ระวังความคาดหวังที่อาจเกินจริง โดยทาง เคิร์ฟไฟแนนซ์(Curve Finance) ซึ่งเป็นโปรโตคอลด้านการเงินไร้ศูนย์กลาง (DeFi) ระบุว่า เดือนกันยายนจะไม่มี ‘ปัจจัยเร่ง’ ที่สำคัญ แต่เน้นย้ำว่า *จุดแข็งที่แท้จริงของอีเธอเรียมคือบทบาทในฐานะโครงสร้างพื้นฐาน*
เคิร์ฟไฟแนนซ์ชี้ว่า อีเธอเรียมเปรียบเสมือน “ระบบปฏิบัติการของวงการดีไฟ” และแม้ว่าราคาจะผันผวน แต่ ‘ปัจจัยพื้นฐาน’ ของเครือข่ายยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการใช้งานระดับสถาบันที่แม้อาจเติบโตช้ากว่าที่คาด แต่ก็อยู่ในทิศทางที่มั่นคง ความก้าวหน้าในเชิงเทคโนโลยีเหล่านี้ แม้จะไม่เป็นข่าวใหญ่อย่างต่อเนื่อง แต่ถือเป็นการปูรากฐานสำคัญให้กับเศรษฐกิจดิจิทัล พวกเขายังยกตัวอย่างถึงความพยายามของ มูลนิธิอีเธอเรียม, วีทาลิก บูเทอริน(Vitalik Buterin) และกลุ่ม zk/ethproofs ในการเพิ่มประสิทธิภาพการขยายตัวของเลเยอร์ 1
เมื่อไม่นานมานี้ มูลนิธิอีเธอเรียมได้เปิดเผยแผนงานในเฟสถัดไปภายใต้โครงการ ‘ความปลอดภัยระดับล้านล้านดอลลาร์’ โดยจะเน้นไปที่การยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) พร้อมๆ กับการปรับปรุงด้านความปลอดภัยในระยะยาว โดยเฉพาะระบบกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น ตัวอย่างเช่น การลดการใช้ ‘ลายเซ็นแบบสุ่ม’ (blind signatures) ที่อาจเสี่ยงต่อการโดนหลอกให้ทำธุรกรรมโดยไม่ตั้งใจ *สิ่งเหล่านี้คือการปูพื้นฐาน เพื่อรองรับผู้ใช้นับพันล้านคน และการเก็บรักษาทรัพย์สินดิจิทัลในระดับหลายล้านล้านบาทได้อย่างมั่นคง*
ด้านบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชนอย่าง คริปโตควอนต์(CryptoQuant) รายงานว่า ช่วงหลังมานี้การสร้างสัญญาอัจฉริยะบนเครือข่ายอีเธอเรียมกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นเพียงการเก็งกำไรจากราคาที่ดีดตัวขึ้นเท่านั้น เทรนด์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นแล้วในช่วงขาขึ้นของ DeFi และ NFT ระหว่างปี 2020–2021 ซึ่งบ่งชี้ว่าการใช้งานของเน็ตเวิร์กมีความสัมพันธ์กับวัฏจักรของตลาดโดยตรง และกระตุ้นความหวังว่าราคาของอีเธอเรียมอาจปรับขึ้นอีกรอบ
นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่า แนวโน้มนี้อาจเป็นฐานโครงสร้างเพื่อผลักดันให้อีเธอเรียมทะลุระดับ 5,000 ดอลลาร์ (ราว 6.95 ล้านบาท) ในอนาคต พร้อมมองว่า การเติบโตครั้งนี้จะไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยข่าวใหญ่หรืออีเวนต์เฉพาะ แต่เป็น *การเติบโตแบบเงียบๆ ที่มีรากฐานจากเทคโนโลยีและประสิทธิภาพของเครือข่าย* เป็นสำคัญ
ความคิดเห็น 0