ภัยคุกคามจากแฮกเกอร์ต่อวงการคริปโตเคอร์เรนซียังคงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดบริษัทความปลอดภัยด้านบล็อกเชนอย่างเพกชิลด์(PeckShield) รายงานเมื่อวันที่ 24 ว่า ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ความเสียหายจากเหตุการณ์แฮกในวงการคริปโตมีมูลค่ารวมกว่า *163 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,267 ล้านบาท)* เพิ่มขึ้น *15%* เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สะท้อนแนวโน้มความสูญเสียที่อาจทะลุ *4,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 55,600 ล้านบาท)* ภายในปี 2025 ซึ่งเตือนให้ทั้งผู้ใช้รายย่อยและแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ตระหนักถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ยังคงอยู่ในทุกทิศทาง
ในบรรดาความเสียหายทั้งหมด การแฮกที่มีมูลค่ามากที่สุดคือกรณีการขโมย *บิตคอยน์(BTC)* มูลค่า *91 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,265 ล้านบาท)* ซึ่งโจรกรรมผ่าน *เทคนิควิศวกรรมสังคม (social engineering)* จากกระเป๋าที่ถือครองมานาน ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นการโจมตีอย่างมีการวางแผนและมีทักษะสูง นอกจากนี้ *บิทคือตูร์ก(BtcTurk)* ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในตุรกี ก็กลายเป็นเป้าหมายอีกครั้งหลังเคยถูกเจาะระบบ มูลค่าความเสียหายล่าสุดสูงถึง *50 ล้านดอลลาร์ (ราว 695 ล้านบาท)* ต่อจากเคสเดิมที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา
กรณีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นยังรวมถึงโครงการ *Odin.fun* ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มลอนช์แพดโฟกัสเหรียญมีม ถูกใช้ช่องโหว่ในระบบ *AMM (Automated Market Maker)* เพื่อขโมยบิตคอยน์ไปราว *7 ล้านดอลลาร์ (ราว 97 ล้านบาท)* ขณะเดียวกัน แพลตฟอร์ม *BetterBank.io* ที่อ้างว่าเป็น ‘ธนาคารบนบล็อกเชน’ ก็ถูกแฮกหลังเสร็จสิ้นการตรวจสอบความปลอดภัยโดย *Zokyo* ความเสียหายอยู่ที่ *5 ล้านดอลลาร์ (ราว 70 ล้านบาท)* และ *CrediX* ซึ่งเป็นโปรโตคอลปล่อยกู้รายใหม่ สูญเสียทรัพย์สินไปราว *4.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 63 ล้านบาท)* โดยทั้งหมดนี้ตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของการตรวจสอบความปลอดภัยที่มีอยู่ในปัจจุบัน
เพกชิลด์ระบุว่า ในปี 2025 กว่า *23%* ของเหตุการณ์แฮกที่เกิดขึ้นมุ่งเป้าไปที่กระเป๋าเงินส่วนตัวของผู้ใช้โดยตรง สะท้อนปัญหาไม่ใช่แค่ด้านแพลตฟอร์มแต่ยังรวมถึงพฤติกรรมของผู้ใช้ที่ยังไม่ใส่ใจในด้านความปลอดภัยเพียงพอ นอกจากนี้ การคุกคามเชิงกายภาพ เช่น ‘*wrench attack*’ ซึ่งเป็นการใช้ความรุนแรงบังคับให้ผู้ใช้ปลดล็อกกระเป๋าเงินดิจิทัล ก็เริ่มเกิดขึ้นบ่อยขึ้นในช่วงที่ราคาบิตคอยน์ปรับตัวสูงขึ้น
กลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่อยู่ในประเทศที่มีอัตราการใช้คริปโตสูง เช่น สหรัฐฯ เยอรมนี รัสเซีย และแคนาดา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความจำเป็นในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการพัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นนั้นมีความเร่งด่วนในระดับโลก
*ความคิดเห็น*: ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า “ระบบความปลอดภัยส่วนใหญ่ยังขาดการป้องกันเชิงรุก แม้จะมีประสิทธิภาพในการรับมือเหตุการณ์แล้วก็ตาม” พร้อมทั้งเสนอให้มีการนำระบบความปลอดภัยแบบหลายชั้นและการจำลองความเสี่ยงมาใช้อย่างต่อเนื่อง ในภาวะที่ราคา *คริปโตเคอร์เรนซี* กำลังกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ‘*ความปลอดภัย*’ จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามและควรมาก่อนเรื่องการลงทุนเสมอ
ความคิดเห็น 0