คาอิโก รีเสิร์ช(Kaiko Research) เปิดเผยรายงานล่าสุดที่วิเคราะห์ประเด็นสำคัญในตลาดคริปโตช่วงไตรมาส 3 ปี 2025 ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวโทเคน WLFI ที่เชื่อมโยงกับทรัมป์, การเคลื่อนไหวของโครงการใหม่ที่ใช้โทเคนคริปโตดอทคอม(CRO) เป็นสินทรัพย์อ้างอิง และทิศทางความเสี่ยง-ผลตอบแทนของอัลต์คอยน์ที่เปลี่ยนแปลงไป
เมื่อวันที่ 1 กันยายน โทเคน WLFI ได้เปิดตัวบนตลาดซื้อขายคริปโตในรูปแบบสปอตอย่างเป็นทางการ โดยเริ่มเทรดพร้อมกันในหลายแพลตฟอร์ม รวมถึงไบแนนซ์ โดยมีเหตุการณ์สำคัญในการปลดล็อกอุปทานถึง 20% ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นตลาดล่วงหน้าอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ตลาดอนุพันธ์ตอบสนองเร็วกว่า โดยตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม สัญญา WLFI-USDT แบบไม่มีวันหมดอายุได้เปิดให้เทรด และดึงดูดนักลงทุนจนยอดคงค้าง(open interest) พุ่งจาก 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นกว่า 360 ล้านดอลลาร์ ในเวลาเพียง 5 วัน สะท้อนความสนใจของนักเก็งกำไรระยะสั้น
ราคาซื้อขายในช่วงแรกมีช่องว่างระหว่างแพลตฟอร์ม แต่สุดท้ายก็กลับมาทรงตัวที่ประมาณ 0.35 ดอลลาร์ ตลาดมีความลึกดีขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยบทบาทของมาร์เก็ตเมกเกอร์ แม้ออเดอร์ฝั่งขายจะมีมากขึ้นก่อนการปลดล็อกอุปทาน แต่โครงสร้างตลาดก็ปรับสมดุลได้ในเวลาไม่นาน โดย ‘คาอิโก’ มองว่าความเคลื่อนไหวล่วงหน้าของนักลงทุนอาจเชื่อมโยงกับข่าวลือที่ว่า ดอกเบี้ยที่เกิดจาก USD1 ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์หลักในระบบนิเวศของ WLFI อาจถูกใช้ในการไถ่ถอน WLFI ซึ่งแม้จะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่การยอมรับ USD1 ในวงกว้างและสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นในตลาดแบบรวมศูนย์นั้นถือเป็นปัจจัยสนับสนุนความต้องการ WLFI อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะเดียวกัน โทเคนคริปโตดอทคอม(CRO) ก็ได้รับความสนใจจากโครงการการลงทุนใหม่ชื่อ MCGA ซึ่งเป็นยานลงทุนด้านคลังที่เตรียมจดทะเบียนในตลาดแนสแด็ก โดยจะใช้ CRO มูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์เป็นสินทรัพย์อ้างอิง ร่วมกับเงินสดเพิ่มเติม, วอร์แรนต์ และวงเงินเครดิตในรูปแบบหุ้น ‘คาอิโก’ ระบุว่า โครงสร้างดังกล่าวอาจล็อกสภาพคล่องของ CRO ส่งผลให้ราคาอ่อนไหวต่อแรงซื้อขายมากขึ้น
หลังมีข่าวออกมา ราคาของ CRO ปรับพุ่งขึ้นถึง 40% ภายใน 1 วัน พร้อมกับปริมาณซื้อขายที่พุ่งทะลุ 1.68 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในบางจังหวะได้แซงหน้าสภาพคล่องของ BNB ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ความต่างของสภาพคล่องในแต่ละแพลตฟอร์มก็มีความชัดเจน โดยคริปโตดอทคอมมีค่า ‘สลิปเพจ’ เพียง 0.2% ขณะที่ MEXC มีสูงถึง 3% บ่งชี้ถึงความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพตลาด แนวโน้มการเทรดถูกขับเคลื่อนผ่านแพลตฟอร์มหลักอย่างอัพบิต, บิทเก็ต และคอยน์เบส ขณะที่นักลงทุนบางส่วนเริ่มทยอยทำกำไร ส่วนที่ไบบิต มีการเพิ่มขึ้นของสัญญาอนุพันธ์ของ CRO ถึงเกือบ 3 เท่า สะท้อนการผสมผสานระหว่างกลุ่มลงทุนระยะยาวและนักเก็งกำไรรายวันอย่างชัดเจน
ขยับมาสู่ภาพใหญ่ของตลาดอัลต์คอยน์ในไตรมาส 3 ปี 2025 สัญญาณเชิงบวกเริ่มปรากฏชัด โดยเฉพาะในส่วนของ ‘ความเสี่ยงต่อผลตอบแทน’ ที่ดูดีขึ้น อีเธอเรียม(ETH) ค่อยๆ ไล่ตามบิตคอยน์(BTC) และมีบทบาทนำตลาดกลับคืนมา ความผันผวนของอัลต์คอยน์โดยรวมลดลงเหลือประมาณ 75% นับจากเดือนกรกฎาคม ต่ำกว่าอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่สูงถึง 125%
คาอิโกชี้ว่า ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการฟื้นตัวนี้คือความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคที่ผ่อนคลายมากขึ้น บ่งชี้การกลับมาของนักลงทุนสถาบัน โดยพฤติกรรมการซื้อขายของคู่ ETH-USD ในเดือนสิงหาคมก็น่าสนใจเช่นกัน โดยกว่า 80% ของการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงอย่างเกิน ±2% ต่อชั่วโมง เกิดขึ้นในช่วงเวลาการเปิดตลาดของสหรัฐ แสดงถึงความเชื่อมโยงของการตัดสินใจเทรดกับทิศทางนโยบายภาครัฐ
นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ของอัลต์คอยน์ชั้นนำอีก 20 รายการ (ไม่รวม ETH) รวมกันสูงถึง 882 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงการขยายฐานผู้ซื้อขายและความสนใจที่กระจายมากขึ้น สภาพคล่องที่ปรับตัวดีขึ้น แม้จะเข้าสู่เดือนกันยายนที่มักมีความผันผวน แต่ภาพรวมจากการเดิมพันเรื่องดอกเบี้ยและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการลงทุน ทำให้โอกาสที่อัลต์คอยน์จะรักษาผลตอบแทนเชิงบวกไว้ได้ยังคงมีสูง
*ความคิดเห็น: ตลาดเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะการเปิดตัวโทเคนที่มีความเกี่ยวข้องกับแบรนด์ทรัมป์ หรือ CRO ที่กลายเป็นสินทรัพย์อ้างอิงของโปรเจกต์ในตลาดทุน เป็นสัญญาณของการบรรจบกันระหว่างโลกคริปโตและการเงินดั้งเดิมที่น่าจับตาเป็นพิเศษในครึ่งหลังของปีนี้*
ความคิดเห็น 0