บิตคอยน์(BTC) ใกล้แตะระดับ 100,000 ดอลลาร์ แต่ต้องชะลอตัวลงท่ามกลางข่าวการแฮกระดับมหาศาลของไบบิท(Bybit) ซึ่งส่งแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาด นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) อาจถอนฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับคอยน์เบส(Coinbase) กระตุ้นความคาดหวังเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะ 99,000 ดอลลาร์ พยายามฝ่าด่านจิตวิทยาที่ 100,000 ดอลลาร์ แต่เกิดแรงขายออกมาจำนวนมาก ส่งผลให้ในช่วงสุดสัปดาห์ราคาเคลื่อนไหวบริเวณ 97,000 ดอลลาร์ และร่วงลงไปต่ำสุดที่ 93,500 ดอลลาร์ในบ่ายวันอังคาร ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม ราคากลับเด้งขึ้นมาอยู่ที่ 96,000 ดอลลาร์ และยังคงมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย 100,000 ดอลลาร์อีกครั้ง
การฟื้นตัวของตลาดบางส่วนได้รับแรงหนุนจากข่าวเกี่ยวกับ SEC โดยซีอีโอของคอยน์เบส ไบรอัน อาร์มสตรอง(Brian Armstrong) เปิดเผยว่า SEC มีแนวโน้มจะยุติการฟ้องร้องบริษัท ซึ่งสร้างความหวังใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมคริปโตว่ากฎระเบียบอาจมีแนวโน้มผ่อนคลายขึ้น
แต่บรรยากาศเชิงบวกดังกล่าวกลับอยู่ได้ไม่นาน เมื่อมีรายงานว่าไบบิทตกเป็นเป้าหมายของการแฮกครั้งใหญ่ มูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 54,000 ล้านบาท) ทำให้ตลาดกลับเข้าสู่ความไม่แน่นอน โดยซีอีโอของไบบิทออกมายืนยันเหตุการณ์นี้เอง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงอย่างฉับพลัน และบิตคอยน์ร่วงลงกว่า 2,000 ดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่นาที
อย่างไรก็ตาม ตลาดสามารถทรงตัวได้อีกครั้ง โดยบิตคอยน์กลับมาเคลื่อนไหวที่ 98,000 ดอลลาร์ คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ในกลุ่มอัลต์คอยน์ ทรอน(TRX) และไลต์คอยน์(LTC) แสดงผลการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่ง ขณะที่โซลานา(SOL), ดอจคอยน์(DOGE), เชนลิงก์(LINK) และตันคอยน์(TON) ต่างเผชิญแรงขายหนัก
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าจะยกเลิกนโยบายด้านคริปโตของรัฐบาลไบเดนอย่างเป็นทางการ กระตุ้นความคาดหวังว่าการกำกับดูแลอาจเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ผ่อนคลายขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดว่าราคาบิตคอยน์และอุตสาหกรรมคริปโตจะเดินหน้าในทิศทางใดต่อไป
ความคิดเห็น 0