นักลงทุนรายใหญ่เทขาย ดัน ‘โดจคอยน์(DOGE)’ และ ‘เอ이다(ADA)’ ออกตลาดกว่า 1,000 ล้านบาท ด้านราคายังนิ่ง
นักลงทุนรายใหญ่ที่ถือครอง *โดจคอยน์(DOGE)* และ *เอ이다(ADA)* ในปริมาณมากเริ่มเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ โดยในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการเทขายโทเคนรวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทออกจากกระเป๋า ‘วาฬคริปโต’ ท่ามกลางความกังวลในภาวะตลาด แม้ราคายังแสดงความนิ่งในระยะสั้น แต่สัญญาณความเสี่ยงเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน
เมื่อวันที่ 24 นักวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน อาลี มาร์ติเนซ เปิดเผยว่า ผู้ถือครองโดจคอยน์ระหว่าง 100,000 ถึง 100 ล้าน DOGE ได้ขายรวมกว่า 200 ล้าน DOGE ภายในเพียง 2 วัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 584 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ราคาของโดจคอยน์ปรับตัวลดลงเล็กน้อย 1% มาอยู่ที่ระดับ 0.21 ดอลลาร์ หรือประมาณ 292 บาท โดยแม้รายสัปดาห์ราคาจะลดลงราว 4% แต่โดยรวมยังถือว่าทรงตัว
กระเป๋าเงินขนาดใหญ่ที่ทยอยลดการถือครองกำลังสร้างแรงกดดันเพิ่มเติม โดยเฉพาะเมื่อมองจากปัจจัยทางเทคนิค ราคาของ *โดจคอยน์(DOGE)* ได้สร้างจุดสูงสุดที่ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมแนวรับที่ระดับ 0.215 ดอลลาร์ (ราว 299 บาท) และแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 0.222–0.224 ดอลลาร์ (ราว 308–311 บาท)
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดในช่วงที่ *กราฟรายวันของ DOGE* ปรากฏสัญญาณ ‘ขาลง’ ที่ชัดเจน โดยนักวิเคราะห์ด้านเทคนิคอย่าง ทาดิเกรด ชี้ว่า มีการเกิด ‘Bearish Cross’ บนกราฟ Ichimoku ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ส่งผลให้ราคา DOGE ยังไม่สามารถหาทิศทางชัดเจนและเคลื่อนไหวภายในระดับความต้านทานของ ‘Cloud’
อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังเรื่อง *ETF ของ DOGE* ก็กำลังเป็นประเด็นร้อน Bloomberg รายงานว่า บริษัทเร็กซ์(Rex) ได้ยื่นคำร้องต่อหน่วยงานกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐ เพื่อขออนุญาตจัดตั้ง ETF ที่อ้างอิงกับ DOGE โดยหากผ่านการอนุมัติ จะถือเป็น ETF ตัวแรกในโลกที่ขับเคลื่อนโดย *โดจคอยน์(DOGE)* ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนในการแข่งขันกับโทเคนสายมีมอย่าง ทรัมป์คอยน์, ริปเปิล(XRP) และบองก์(BONK)
ในขณะเดียวกัน *เอ이다(ADA)* ก็เผชิญสถานการณ์คล้ายกัน โดยกระเป๋า ‘วาฬ’ ที่ถือ ADA ระหว่าง 1 ล้านถึง 10 ล้านโทเคน ได้ขายรวม 50 ล้าน ADA ในช่วงเวลาเดียวกัน คิดเป็นมูลค่าราว 41 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 570 ล้านบาท ส่งผลให้ราคา ADA ปรับตัวลดลงเล็กน้อยเช่นกัน มาอยู่ที่ระดับ 0.82 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,140 บาท โดยราคาลดลงราว 4% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
แม้ *เอ이다(ADA)* จะเคยปรับขึ้นสม่ำเสมอตลอดเดือนสิงหาคม แต่ดูเหมือนการขายทำกำไรเริ่มก่อแรงสั่นคลอน โดยในการวิเคราะห์ทางเทคนิค พบการก่อตัวของรูปแบบ ‘ลิ่มขาลง’ โดยมีแนวรับหลักที่ 0.80 ดอลลาร์ (ราว 1,112 บาท) และแนวต้านบริเวณ 0.835 ดอลลาร์ (ราว 1,161 บาท)
มาร์ติเนซประเมินว่า ราคาอาจอ่อนตัวลงไปถึงแนวรับที่ 0.80 ดอลลาร์ในระยะสั้น แต่หากมีปริมาณการซื้อเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง ก็มีโอกาสฟื้นกลับไปทดสอบระดับ 0.90–0.92 ดอลลาร์ (ราว 1,251–1,278 บาท)
ขณะเดียวกัน ข่าวลือเกี่ยวกับการอนุมัติ *ETF ของเอิดา* ก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยสำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐ (SEC) จำเป็นต้องตัดสินใจต่อคำร้องเกี่ยวกับ ETF ของ Grayscale ที่เกี่ยวข้องกับ ADA ภายในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ โดยคำร้องนี้ถูกยื่นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และหากได้รับการอนุมัติ *เอิดา(ADA)* จะกลายเป็น altcoin รายแรกที่ได้ไฟเขียวสำหรับ ETF หลังจาก บิตคอยน์(BTC) และ อีเธอเรียม(ETH)
โดยรวมแล้ว แม้ว่าราคาของ *โดจคอยน์* และ *เอิดา* ยังไม่เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่การเคลื่อนย้ายโทเคนขนาดใหญ่จากวาฬออกจากตลาด กำลังสร้างเงาแห่งความไม่แน่นอนที่อาจส่งผลลึกมากกว่าที่เห็นบนพื้นผิว ความเคลื่อนไหวที่ดูเงียบงันอาจกลายเป็นพายุในตลาดคริปโตได้ทุกเมื่อ ‼️
ความคิดเห็น 0