Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

SEC-CFTC เตรียมปรับตลาดทุนสู่ระบบ 24 ชั่วโมง เดินหน้ากำกับอนุพันธ์คริปโตเต็มรูปแบบ

SEC-CFTC เตรียมปรับตลาดทุนสู่ระบบ 24 ชั่วโมง เดินหน้ากำกับอนุพันธ์คริปโตเต็มรูปแบบ / Tokenpost

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) และคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) ส่งสัญญาณถึง ‘แนวโน้มการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบตลาดทุนแบบ 24 ชั่วโมง’ ผ่านแถลงการณ์ร่วม พร้อมเริ่มจัดทำแผนหลักเพื่อกำกับดูแลอนุพันธ์คริปโตเคอร์เรนซีอย่างครอบคลุม ท่ามกลางการขยายตัวของสินทรัพย์ดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง หน่วยงานทั้งสองเห็นว่า ตลาดการเงินแบบดั้งเดิมเองก็อาจต้องเดินหน้าสู่ระบบซื้อขายที่เปิดทำการทั้งปีโดยไม่ปิดตลาด

แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 5 (เวลาท้องถิ่น) โดย SEC และ CFTC ระบุว่า "การเติบโตของระบบการเงินแบบออนเชน ทำให้ ‘การสร้างสภาพแวดล้อมการซื้อขายแบบ 24 ชั่วโมง’ กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกสินทรัพย์" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบถาวร (Perpetual Futures) และสัญญาอนุพันธ์ที่อ้างอิงเหตุการณ์เฉพาะ เริ่มได้รับความสนใจจากผู้กำกับดูแลซึ่งเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการวางกรอบกฎหมายใหม่

อย่างไรก็ตาม ทั้งสององค์กรยอมรับว่าโมเดลตลาดแบบ ‘Always-on’ อาจไม่สามารถนำมาใช้กับทุกกลุ่มสินทรัพย์ได้อย่างเท่าเทียม พวกเขาระบุว่า “เศรษฐกิจโลกมีลักษณะที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะของแต่ละสินทรัพย์ การเปิดตลาดแบบ 24 ชั่วโมงจึงอาจทำได้ไม่เท่ากัน” ทั้งนี้ หากระบบดังกล่าวถูกปรับใช้อย่างเต็มรูปแบบ ก็อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหมุนเวียนเงินทุน ทว่ายังมี *ความเสี่ยง* ที่ต้องผ่านพ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกิดในช่วงเวลาที่ตลาดสำคัญทั่วโลกยังไม่เปิดทำการ

อีกด้านหนึ่ง บริษัทร่วมลงทุนด้านคริปโตเคอร์เรนซี โซรา เวนเจอร์ส(Sora Ventures) เปิดเผยแผนจัดตั้ง ‘กองทุนสำรองเงินตราบิตคอยน์(BTC)’ มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ (กว่า 1.39 หมื่นล้านบาท) เพื่อมุ่งเป้าเจาะตลาดในเอเชีย โดยประกาศอย่างเป็นทางการในงานไต้หวันบล็อกเชนวีค โดย เจสัน ฟาง(Jason Fang) ผู้ก่อตั้ง กล่าวว่า กองทุนนี้จะเป็น “กองทุนสำรองบิตคอยน์ขนาด 10 หลักแห่งแรกของเอเชีย” พร้อมตั้งเป้าเปิดครบทั้งวงเงินภายใน 6 เดือน

ฟางกล่าวเสริมว่า วัตถุประสงค์คือการส่งเสริมให้ ‘บิตคอยน์กลายเป็นสินทรัพย์ยุทธศาสตร์หลัก’ ของนักลงทุนสถาบันในภูมิภาค และมีความพยายามเชื่อมโยงกับตลาดหุ้นเอเชียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยกองทุนได้รับเงินคำมั่นลงทุนเบื้องต้นจากนักลงทุนสถาบันทั่วเอเชียแล้วกว่า 200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,780 ล้านบาท) เขาระบุเพิ่มเติมว่า “สิ่งนี้จะช่วยให้บริษัทในเอเชียสามารถกระจายพอร์ตการลงทุนและส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้มากขึ้น”

ในอีกด้านหนึ่ง กลับมีข่าวลบที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อ SEC เมื่อรายงานล่าสุดจากหน่วยตรวจสอบภายในของ SEC พบว่า *ข้อความบนโทรศัพท์มือถือทางราชการของอดีตประธาน SEC อย่างแกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler)* ซึ่งครอบคลุมช่วง 1 ปี ได้ถูกลบอย่างถาวร โดยไม่สามารถกู้คืนได้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างเดือนตุลาคม 2022 ถึงกันยายน 2023 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ SEC ผลักดันมาตรการควบคุมคริปโตอย่างเข้มข้น

ตามรายงาน ข้อผิดพลาดมาจากการดำเนินงานของทีม IT ภายในองค์กรที่นำระบบ ‘รีเซ็ตเริ่มต้นแบบองค์กร’ มาใช้โดยขาดความเข้าใจ ส่งผลให้ทั้งข้อความและบันทึกระบบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของเกนส์เลอร์ *ถูกลบอย่างไม่สามารถกู้คืนได้* โดยไม่มีการตั้งระบบเตือนล่วงหน้าหรือรายงานข้อผิดพลาดด้านซอฟต์แวร์ อีกทั้งไม่มีข้อมูลสำรองใด ๆ ทำให้เกิดความผิดพลาดในหลายระดับ

เนื้อหาของข้อความที่หายไปเชื่อว่า *อาจมีข้อมูลการตัดสินใจด้านการกำกับดูแลที่สำคัญเกี่ยวกับโครงการคริปโตและผู้ก่อตั้งบางราย* ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อทั้งการดำเนินคดีในอนาคต และกระบวนการตรวจสอบโดยสภาคองเกรส เหตุการณ์นี้จึงนับเป็นจุดเสื่อมศรัทธาครั้งใหญ่อีกครั้งต่อความโปร่งใสของ SEC และอาจกระทบต่อความไว้วางใจของตลาดที่ยึดตามหลักการบันทึกข้อมูลสาธารณะและความโปร่งใสทางกฎหมายในสหรัฐฯ อย่างเลี่ยงไม่ได้ *ความคิดเห็น*: หากไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ การผลักดันนโยบายคริปโตในอนาคตอาจเผชิญแรงต้านมากขึ้น

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1