กลุ่มแฮกเกอร์ ‘ลาซารัส’ จากเกาหลีเหนือยังคงเคลื่อนไหวในแวดวงคริปโต ล่าสุดมีรายงานว่าพวกเขาได้เริ่มกระบวนการฟอกเงินหลังจากขโมยสินทรัพย์ดิจิทัลไปได้อีกครั้ง ตามข้อมูลจาก Lookonchain เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ กลุ่มลาซารัสได้โอนอีเธอเรียม(ETH) จำนวน 10,000 เหรียญ มูลค่าประมาณ 27 ล้านดอลลาร์ (ราว 389 ล้านบาท) ไปยังวอลเล็ตที่เรียกว่า ‘Bybit Exploiter 54’ ซึ่งเชื่อมโยงกับเหตุการณ์แฮกครั้งใหญ่ของไบบินท์(Bybit) ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์ (ราว 50,960 ล้านบาท)
จากข้อมูลออนเชน ปัจจุบันกลุ่มลาซารัสถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมาก โดยมีอีเธอเรียม(ETH) ทั้งหมด 489,395 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 1.3 พันล้านดอลลาร์ และ Mantle Restaking Ether (cmETH) อีก 15,000 เหรียญ เงินเหล่านี้ถูกกระจายอยู่ในวอลเล็ตมากถึง 53 บัญชี พฤติกรรมของกลุ่มแฮกเกอร์ชี้ให้เห็นว่าพวกเขามีการกระจายทรัพย์สินเพื่อซ่อนร่องรอยและพยายามฟอกเงิน โดยทำการโอนเงินไปยังวอลเล็ตต่างๆ เป็นระยะ ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เวลา 13:23 UTC มีธุรกรรมที่โอนอีเธอเรียม(ETH) จำนวน 66 เหรียญ (มูลค่าประมาณ 182,831 ดอลลาร์ หรือราว 26 ล้านบาท) จากวอลเล็ต ‘Bybit Exploiter 54’ ไปยังอีกวอลเล็ตหนึ่งที่มีรหัสลงท้ายด้วย ‘CE9’
เหตุการณ์โจมตีครั้งนี้ถูกบันทึกว่าเป็นการแฮกสินทรัพย์ดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อตลาดรับรู้ข่าว ภายในวันเดียวมูลค่าของอีเธอเรียม(ETH) และเหรียญสำคัญอื่นๆ ร่วงลงราว 8% ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการกู้คืนสินทรัพย์ที่ถูกขโมยยังคงดำเนินต่อไป มูดิต กุปตา(Mudit Gupta) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความปลอดภัยของโพลิกอน(Polygon) เปิดเผยว่า พวกเขาสามารถกู้คืนเงินมูลค่า 43 ล้านดอลลาร์ (ราว 619 ล้านบาท) ได้จากการทำงานร่วมกับ Mantle, SEAL และทีม mETH นอกจากนี้ พาโอลอ อาร์ดูอิโน(Paolo Ardoino) ซีอีโอของเทเธอร์(Tether) ยังได้ออกมาประกาศว่าบริษัทได้ระงับเงินสดจำนวน 181,000 USDT (คิดเป็นมูลค่าราว 26 ล้านบาท) ที่เชื่อมโยงกับการแฮกในครั้งนี้
ทางไบบินท์เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พวกเขาได้แนะนำ ‘โปรแกรมบาวน์ตี’ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ช่วยตามหาผู้กระทำความผิด โดยเสนอเงินรางวัลสูงสุดถึง 140 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,014 ล้านบาท) ให้กับผู้ที่ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการกู้คืนทรัพย์สินที่ถูกขโมย นักวิเคราะห์มองว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แฮก
เบน โจว(Ben Zhou) ซีอีโอของไบบินท์ ได้ออกมายืนยันผ่านโซเชียลมีเดียว่า แม้จะเผชิญกับเหตุการณ์แฮกครั้งใหญ่ แต่การดำเนินงานของบริษัทก็ยังเป็นไปตามปกติ และลูกค้าสามารถถอนเงินได้อย่างไม่มีปัญหา โดยระบุว่า "ลูกค้าทุกคนสามารถถอนเงินที่ต้องการได้ตามปกติ โดยไม่มีการล่าช้า" ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงความพยายามในการฟื้นฟูความมั่นใจของผู้ใช้แพลตฟอร์ม
ความคิดเห็น 0