Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

รู้จักมาร์จิ้นคริปโต: ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องเข้าใจก่อนเทรดฟิวเจอร์ส

รู้จักมาร์จิ้นคริปโต: ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องเข้าใจก่อนเทรดฟิวเจอร์ส / Tokenpost

การซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโตนั้น ‘มาร์จิ้น’ ไม่ใช่แค่เงินประกันธรรมดา แต่เป็น *ทรัพย์สินหลัก* ที่ใช้ค้ำประกันสถานะการถือครอง และยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความเสี่ยงในการถูกบังคับปิดสถานะ การเข้าใจโครงสร้างและวิธีคำนวณมาร์จิ้นจึงกลายเป็นเงื่อนไขจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนสูง ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหน้าใหม่หรือมืออาชีพก็ตาม

โดยทั่วไป มาร์จิ้นในการซื้อขายฟิวเจอร์สจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ *มาร์จิ้นเริ่มต้น*, *มาร์จิ้นสำหรับคงสถานะ*, และ *มาร์จิ้นผันแปร* ซึ่ง *มาร์จิ้นเริ่มต้น* คือเงินประกันล่วงหน้าที่จำเป็นต้องวางก่อนเปิดสถานะ โดยไม่มีการพึ่งพาความน่าเชื่อถือหรือเครดิตผู้ลงทุน ตัวอย่างเช่น หากต้องการเปิดสัญญาฟิวเจอร์สบิตคอยน์(BTC) 1 ฉบับ โดยมีราคาปัจจุบันอยู่ที่ 65,000 ดอลลาร์ (ราว 9.03 ล้านบาท) และมีอัตรามาร์จิ้นเริ่มต้น 5% ผู้ลงทุนจะต้องวางเงินมาร์จิ้น 3,250 ดอลลาร์ หรือประมาณ 4.52 แสนบาท

สำหรับ *มาร์จิ้นสำหรับคงสถานะ* นั้น เป็นจำนวนขั้นต่ำที่ต้องรักษาไว้ในบัญชีเพื่อคงสถานะการถือครอง หากยอดรวมในบัญชีต่ำกว่าระดับนี้ นักลงทุนอาจเผชิญการถูกบังคับปิดสถานะโดยอัตโนมัติ โดยทั่วไปมาร์จิ้นประเภทนี้จะคิดเป็น 75–90% ของมาร์จิ้นเริ่มต้น และในตลาดที่มีความผันผวนสูง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรเก็บ ‘งบสำรอง’ ไว้ประมาณ 10–15% เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

ขณะเดียวกัน *มาร์จิ้นผันแปร* จะทำหน้าที่ชำระกำไร/ขาดทุนแบบเรียลไทม์ตามความเคลื่อนไหวของราคา ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มใช้ข้อมูลนี้เพื่อบริหารความเสี่ยง ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้นักลงทุนปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างต่อเนื่อง แต่ละแพลตฟอร์มอาจมีระบบคำนวณมาร์จิ้นแตกต่างกัน บางแห่งเริ่มเปลี่ยนจากระบบ SPAN ไปสู่ระบบ Value-at-Risk ที่มีความแม่นยำสูงกว่า

แพลตฟอร์มซื้อขายมักจัดทำสเปกของสัญญาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งข้อมูลอย่างขนาดของสัญญา ราคา ณ ขณะนั้น อัตรามาร์จิ้น และสกุลเงินที่ใช้ชำระ จะถูกใช้ร่วมกันในการคำนวณ โดยขั้นตอนการคำนวณมาร์จิ้นมี 3 ขั้นตอน ได้แก่ (1) คูณขนาดสัญญากับราคาปัจจุบันเพื่อหามูลค่าที่ระบุไว้ในสัญญา (2) นำมาคูณกับอัตรามาร์จิ้นเริ่มต้น และ (3) เพิ่มค่าธรรมเนียมอื่นๆ ซึ่งมักมีการเปิดเผยแยกตามแต่ละแพลตฟอร์ม

หลายแพลตฟอร์มยังพัฒนาฟีเจอร์เพื่อช่วยให้นักลงทุนบริหารความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น เช่น การแสดงแดชบอร์ดข้อมูลแบบเรียลไทม์ ระบบแจ้งเตือนระดับมาร์จิ้น หรือคำสั่งปิดสถานะอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น คราเคน(Kraken) ยังรองรับระบบ “Proof-of-Reserves” เพื่อสร้างความโปร่งใสในทรัพย์สินที่ถือครองด้วย

หากยอดเงินในบัญชีต่ำกว่าระดับมาร์จิ้นสำหรับคงสถานะ นักลงทุนจะเผชิญกับ 3 ตัวเลือก ได้แก่ เติมเงินเพิ่ม, ปิดบางส่วนของสถานะ, หรือยอมให้ระบบปิดสถานะโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ ธรรมชาติของตลาดคริปโตที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงทำให้ *การตอบสนองอย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญ*

อีกหนึ่งคำถามที่มักเกิดในหมู่ผู้ลงทุนคือ มาร์จิ้นสามารถนำมาใช้ร่วมกันหลายสถานะได้หรือไม่ คำตอบขึ้นอยู่กับรูปแบบที่แพลตฟอร์มใช้ บางแห่งใช้ระบบ ‘ครอส มาร์จิ้น’ ซึ่งรวมยอดเงินในบัญชีทั้งหมดเข้าด้วยกันเพื่อค้ำประกันทุกสถานะ ขณะที่ส่วนใหญ่ยังคงใช้ ‘ไอซอลเลต มาร์จิ้น’ ซึ่งแยกมาร์จิ้นตามแต่ละสัญญา การเลือกใช้ระบบใดขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละคน

การซื้อขายมาร์จิ้นในตลาดคริปโตแม้จะเปิดโอกาสให้สร้างผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงขาดทุนขั้นรุนแรง ผู้ลงทุนจึงจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานที่ถูกต้อง พร้อมทั้งวางแผนจัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุมเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดอันดุเดือดนี้ *ความคิดเห็น: รู้ทันกลไกมาร์จิ้นคืออาวุธสำคัญในสนามประลองคริปโต*

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1