แม้มิมคอยน์จะมีส่วนช่วยดึงดูดผู้ใช้งานหน้าใหม่เข้าสู่โลกบล็อกเชน แต่ผลประโยชน์แท้จริงกลับตกอยู่กับแพลตฟอร์มที่ออกและให้บริการโทเคนเหล่านี้เป็นหลัก จากรายงานของกาแล็กซี รีเสิร์ช(Galaxy Research) เมื่อวันที่ 3 พบว่านักเทรดส่วนใหญ่ที่เข้ามาซื้อขายมิมคอยน์มักมีพฤติกรรมคล้ายกับการเดิมพันระยะสั้น และมักจบลงด้วยการขาดทุน ในขณะเดียวกันผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอย่างลอนช์แพด, กระดานซื้อขายแบบไร้ศูนย์กลาง(DEX) และบอตเทรดดิ้ง กลับสามารถทำรายได้มหาศาลในระดับหลายพันล้านบาท
รายงานระบุว่าหนึ่งในแพลตฟอร์มที่น่าจับตามองคือ ‘ปั๊มฟัน(Pump.fun)’ ซึ่งเป็นลอนช์แพดสำหรับมิมคอยน์บนเชนของโซลานา(SOL) ที่เปิดตัวช่วงต้นปี 2024 โดยโทเคนบนแพลตฟอร์มนี้มียอดมาร์เก็ตแคปรวมแบบ Fully Diluted แล้วประมาณ 4.8 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 6.6 หมื่นล้านบาท ตัวเลขนี้สะท้อนว่า *ปั๊มฟันได้กลายเป็นศูนย์กลางของมิมคอยน์ในระยะเวลาอันสั้น*
กาแล็กซียังเปิดเผยว่า จากโทเคนทั้งหมดประมาณ 32 ล้านรายการบนเชนของโซลานา มีมากถึง 13 ล้านรายการที่ถูกสร้างผ่านแพลตฟอร์ม *ปั๊มฟัน* ภายในเวลาไม่เกิน 2 ปี นั่นหมายถึงการเติบโตมากกว่า 300% รายงานระบุว่า "ปั๊มฟันได้ทำให้การออกโทเคนกลายเป็นกิจกรรมอุตสาหกรรมบนโซลานา"
โครงสร้างเช่นนี้สะท้อนว่ามิมคอยน์ไม่ได้เป็นเพียงสินทรัพย์เพื่อการลงทุนของผู้ใช้งานทั่วไปอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครื่องมือในการสร้างกำไรให้กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ แทน ผู้เชี่ยวชาญจึงแสดง ‘ความเห็น’ ว่าการเติบโตของมิมคอยน์อาจซ่อนปัญหาด้านการกระจายรายได้ซึ่งกระจุกอยู่ที่แพลตฟอร์ม และเตือนให้ผู้ใช้งานตระหนักถึงโครงสร้างรายได้ที่เอนเอียงเช่นนี้ในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโตอยู่ในปัจจุบัน
ความคิดเห็น 0