โทเคน XPL ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลของโปรเจกต์บล็อกเชน ‘พลาสมา’ ได้รับความสนใจอย่างมากหลังเปิดตัวในสัปดาห์นี้ แต่ไม่นานก็ต้องเผชิญข่าวลือเรื่องการขายโทเคนโดย *บุคคลภายใน* ส่งผลให้พลาสมาออกมาปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว โดย พอล แฟกส์(Paul Faecks) ซีอีโอของพลาสมา ระบุผ่านบัญชี X ว่า โทเคน XPL ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรให้ทีมงานนั้นถูก ‘ล็อกอัป’ อย่างน้อย 3 ปีเต็ม โดยในช่วงปีแรกจะไม่สามารถปลดล็อกได้เลย
จุดเริ่มต้นของความเคลือบแคลงเกิดขึ้นเมื่อมีการตรวจพบธุรกรรมขนาดใหญ่จากกระเป๋าเงินของทีมงานไม่นานหลังโทเคน XPL เข้าลิสต์บนกระดานซื้อขายบางแห่ง นักวิเคราะห์เชนบางรายชี้ว่าสิ่งนี้อาจเป็น ‘การขายโดยบุคคลภายใน’ ขณะเดียวกันยังพบข้อมูลว่า สมาชิกบางรายของทีมมีประวัติเคยอยู่ในโปรเจกต์ที่มีข้อครหาอย่าง *บลาสต์(Blast)* และ *บล러(Blur)* ทำให้ความสงสัยยิ่งเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม แฟกส์ตอบโต้ข้อกล่าวหานี้ว่า พนักงานของพลาสมามีกว่า 50 คน โดยมีเพียง 3 คนเท่านั้นที่เคยอยู่กับบลาสต์หรือบล러 พร้อมยืนยันว่า ทีมงานส่วนใหญ่มีประวัติงานจากบริษัทระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ‘กูเกิล, เฟซบุ๊ก, สแควร์, เทมาเส็ก, โกลด์แมนแซคส์ และนูเวย์’ ซึ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือที่ทีมพยายามสร้างขึ้น
เขายังย้ำว่าพลาสมาไม่มี ‘ข้อตกลงทางสัญญา’ ใดๆ กับบริษัททำตลาดอย่าง *วินเทอร์มิวต์(Wintermute)* และยืนยันว่า “วินเทอร์มิวต์ไม่มีข้อมูลภายในใดๆ เกี่ยวกับ XPL ที่ไม่เปิดเผยอยู่แล้ว” ก่อนปิดท้ายด้วยการเน้นว่า “เราโฟกัสที่การสร้าง ‘เงินแห่งอนาคต (Money of the future)’ และนั่นคือภารกิจเดียวที่เรามี”
โทเคน XPL ถูกลิสต์ในกระดานซื้อขายอย่าง *ไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid)* เมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยมี *มูลค่าตลาดแบบปรับการเจือจาง (Fully Diluted Valuation)* แตะระดับราว 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ *11.12 แสนล้านบาท* จุดขายหลักของโปรเจกต์คือการเป็นบล็อกเชนเพื่อการชำระเงินระดับโลก พร้อมฟีเจอร์อย่าง *สภาพคล่องจากสเตเบิลคอยน์กว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.78 แสนล้านบาท)*, การโอน *Tether(USDT)* แบบไม่เสียค่าธรรมเนียม, และการรองรับ *โปรโตคอล DeFi กว่า 100 รายการ*
ในแง่ข้อมูลทั้งระบบ พลาสมาเมนเน็ตที่เพิ่งเปิดตัวเติบโตอย่างรวดเร็วตามรายงานของ *DeFiLlama* โดยมียอด *มูลค่าทรัพย์สินที่ล็อกทั้งหมด (TVL)* เกือบ 56.9 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ *7.93 แสนล้านบาท* ซึ่งทำให้เครือข่ายนี้กลายเป็นเครือข่ายสเตเบิลคอยน์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 รองจากอีเธอเรียม, ทรอน, โซลานา, ไบแนนซ์ สมาร์ตเชน และไฮเปอร์ลิควิด
ชุมชนผู้ใช้งานของพลาสมาก็เติบโตไม่แพ้กัน เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โปรเจกต์สามารถระดมเงินได้กว่า *10,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.39 แสนล้านบาท)* ภายในเวลาเพียง 30 นาทีจากแคมเปญฝากเหรียญ และต่อมาระดมทุนจากการขายโทเคนสาธารณะ (Public Sale) ไปกว่า *50 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6.95 พันล้านบาท)* จากคำสั่งซื้อที่สูงถึง *323 ล้านดอลลาร์ (ราว 44.89 พันล้านบาท)* ขณะที่ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง *Plasma USDT* บนแพลตฟอร์ม *Binance Earn* ก็ได้รับความนิยมสูงจนยอดวงเงิน *10,000 ล้านดอลลาร์* ถูกกรอกเต็มภายในเวลาไม่นาน
สำหรับแผนในอนาคต พลาสมามีแผนเปิดตัวแอปพลิเคชัน *‘พลาสมา วัน(Plasma One)’* ภายในปีนี้ เพื่อรองรับผู้ใช้รายบุคคลทั่วโลก โดยตั้งเป้าจะเป็นแพลตฟอร์มการเงินรูปแบบใหม่ที่เก็บเหรียญ จ่ายเงิน และโอนได้ผ่านระบบ ‘สเตเบิลคอยน์เนทีฟ’ พร้อมพันธกิจชัดเจนในการทำให้ “ทุกคนทั่วโลกสามารถเข้าถึงดอลลาร์ได้” แฟกส์นิยามแนวคิดนี้ว่า “*Money 2.0*” พร้อมเสริมว่า ‘การเข้าถึงโอกาสการลงทุนแบบไร้พรมแดน’ จะเป็นหัวใจสำคัญของอนาคตทางการเงินใหม่ที่พลาสมาต้องการสร้างขึ้น
ความคิดเห็น 0