แพทริก คอลลิสัน(Patrick Collison) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสไตรป์(Stripe) บริษัทชำระเงินระดับโลก แสดงความเห็นว่า ‘สเตเบิลคอยน์’ กำลังผลักดันให้ระบบธนาคารแบบดั้งเดิมต้องปรับตัว โดยเฉพาะด้าน *อัตราดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝาก* ที่อาจต้องเสนอให้ใกล้เคียงกับ ‘ตลาด’ มากยิ่งขึ้น เพื่อรักษาฐานผู้ฝากเงินให้ได้
คอลลิสันแสดงความเห็นนี้เมื่อไม่นานมานี้ในการตอบกลับโพสต์ของ นิก คาร์เตอร์(Nic Carter) นักลงทุนร่วมทุนชื่อดังในแพลตฟอร์ม X โดยเนื้อหาของโพสต์กล่าวถึงเทรนด์ *สเตเบิลคอยน์ที่เสนอผลตอบแทน* ซึ่งคอลลิสันเน้นย้ำว่า “ในสหรัฐ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 0.40% และในยุโรปก็ต่ำเพียง 0.25%” พร้อมเสริมว่า “ผู้ฝากเงินควรได้รับผลตอบแทนที่แท้จริงจากทุนของตน และนี่คือสิ่งที่ควรเป็นไป”
ในเวลาเดียวกัน เขายังวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาถึงความพยายามของบางกลุ่มการเงินที่พยายาม ‘จำกัดหรือควบคุม’ การให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือ *สเตเบิลคอยน์* โดยระบุว่า "แม้การเสนอเงินฝากต้นทุนต่ำอาจดูเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับธนาคาร แต่การใช้แนวทางที่ขัดกับผู้บริโภค คือ หนทางสู่ความพ่ายแพ้ในระยะยาว"
คำพูดของคอลลิสันสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของ *สเตเบิลคอยน์* จากสินทรัพย์สำหรับชำระเงิน มาเป็น *สินทรัพย์ดิจิทัลที่แข่งขันในด้านอัตราดอกเบี้ย* ซึ่งกำลังเข้ามาท้าทายตลาดเงินฝากของธนาคารโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงที่โปรเจกต์สเตเบิลคอยน์ใหม่ๆ เริ่มแทรกซึมเข้ามาในตลาดที่เคยถูกครอบครองโดยเทเธอร์(USDT) และดอลลาร์ยูเอสดีซี(USDC)
คอลลิสันไม่ได้มองว่าสิ่งนี้จะส่งผลให้เกิดการปฏิรูปทันที แต่เป็น ‘แรงกดดันทางอ้อม’ ที่จะทำให้ธนาคารต้องค่อยๆ ขยับอัตราดอกเบี้ยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากผู้บริโภคจะเลือกถือครองสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอย่างต่อเนื่อง ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ กำลังนำไปสู่การที่ *สเตเบิลคอยน์และวงการไฟแนนซ์ไร้ศูนย์กลาง (DeFi)* เริ่ม ‘นิยามใหม่ของตลาดเงินฝาก’ อย่างชัดเจน
ความคิดเห็น: ท่าทีของคอลลิสันนับว่าเป็นอีกสัญญาณชัดเจนว่าธนาคารไม่สามารถเพิกเฉยต่อการเติบโตของคริปโตในฐานะคู่แข่งโดยตรงอีกต่อไป โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคเริ่มถามหาค่าตอบแทนที่แท้จริงจากทุนของตนเอง
ความคิดเห็น 0