บริษัทการลงทุน เคอริสเดล แคปิตอล (Kerrisdale Capital) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนิวยอร์ก ออกมาเปิดเผยว่าได้เริ่มทำการขายชอร์ตหุ้นของบริษัท บิทไมน์ เทคโนโลยีส์(BitMine Technologies, BMNR) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือครองอีเธอเรียม(ETH) รายใหญ่ที่สุดในตลาด และนำโดยนักวิเคราะห์ขาขึ้นชื่อดังอย่างทอม ลี(Tom Lee) โดยการเคลื่อนไหวนี้มีพื้นฐานมาจาก *‘ความสงสัยในรูปแบบธุรกิจของบริษัท’* ที่มองว่าเป็นการคัดลอกโมเดลเก่าภายใต้สภาวะที่ตลาดเริ่มอิ่มตัว
ในรายงานที่ออกเมื่อเร็วๆ นี้ เคอริสเดลระบุว่า *“BMNR มีโครงสร้างทางธุรกิจที่คล้ายคลึงกับกลยุทธ์ของไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor)”* ซึ่งเคยสร้างชื่อจากการถือครองบิตคอยน์ แต่ขาดความแตกต่างในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะในตลาดที่เริ่มไม่มีช่องว่างให้โมเดลแบบเดียวกันมากนัก รายงานยังเตือนว่า *“กลยุทธ์ของ BMNR ไม่ได้มีแรงจูงใจมากพอให้ผู้ลงทุนยอมจ่ายในราคาพิเศษอีกต่อไป”*
อย่างไรก็ตาม เคอริสเดลยืนยันว่านี่ไม่ใช่การคาดการณ์เชิงลบต่ออีเธอเรียม(ETH) แต่อย่างใด แต่เป็นมุมมองว่าหุ้นของ BMNR ถูกประเมินมูลค่าสูงกว่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น บริษัท Strategy ของเซย์เลอร์ที่เคยมีมูลค่าพรีเมียมสูงถึง 2.5 เท่า ปัจจุบันลดลงมาเหลือเพียง 1.5 เท่า แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ลดลงของโมเดลที่คล้ายคลึงกันนี้
รายงานวิพากษ์เพิ่มเติมว่า BMNR พยายามชูจุดขายว่าให้ ‘มูลค่า’ มากกว่าการถือครองโทเคนธรรมดา แต่ในความเป็นจริง กลยุทธ์กลับธรรมดาเกินไป ไม่สามารถก้าวนำคู่แข่งที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ อีกทั้งการเปิดเผยข้อมูลด้านการเงินก็เริ่มคลุมเครือ โดย ‘ปริมาณอีเธอเรียมต่อหุ้น’ กำลังอยู่ในแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน ซึ่งการระดมทุนด้วยพรีเมียมไม่ได้เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ แต่กลับเป็นการ ‘ลดคุณค่า’ ของผู้ถือหุ้นเดิม
มุมมองนี้สอดคล้องกับความคิดเห็นของจัสติน สปิตต์เลอร์(Justin Spittler) หัวหน้าฝ่ายเทรดเดอร์ของ RiskHedge ซึ่งโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียว่า *“BMNR จะเริ่มแสดงผลงานที่ด้อยกว่า ETH เมื่อผู้ถือหุ้นรู้สึกเบื่อและถอนตัวออกจากหุ้น”*
ปัจจุบัน BMNR ถือครองอีเธอเรียมประมาณ 12.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 17.7 ล้านล้านวอน ส่งผลให้ถูกยกให้เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในการถือครอง ETH อย่างไรก็ตาม ราคา หุ้นของ BMNR ร่วงลงมาแล้วกว่า 63% จากจุดสูงสุด ซึ่งกระตุ้นความวิตกกังวลในกลุ่มนักลงทุนจำนวนมาก
เรื่องที่น่าสนใจกว่านั้นคือ การที่ปีเตอร์ ทิล(Peter Thiel) นักลงทุนชื่อดังถือหุ้นใน BMNR ถึง 9.1% ซึ่งกลายเป็นประเด็นในการประเมินค่าองค์กรที่ซับซ้อนมากขึ้น เพราะทิลเพิ่งถูกวิพากษ์อย่างตรงไปตรงมาจากวิตาลิก บูเตริน ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม โดย *ความคิดเห็น* บางกลุ่มมองว่าอิทธิพลของทิลอาจส่งผลต่อทิศทางการบริหารและการถูกประเมินค่าในตลาดของ BMNR
การที่เคอริสเดลเลือกเปิดเผยการขายชอร์ตครั้งนี้ จึงอาจไม่ได้เป็นเพียงการเล่นกับราคาหุ้นของบริษัทเพียงแห่งเดียว แต่สะท้อนถึง *‘ความสงสัยในโมเดลธุรกิจบนพื้นฐานอีเธอเรียม(ETH) ว่าสามารถทำกำไรและยั่งยืนได้จริงหรือไม่’* และนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตลาดต้องพิจารณาใหม่ว่าสินทรัพย์บนเครือข่ายอีเธอเรียมยังดึงดูดการลงทุนในระยะยาวได้แค่ไหน
ความคิดเห็น 0