แม้จะเกิดแรงเทขายจากคำพูดของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดคริปโต โดยเฉพาะ *บิตคอยน์(BTC)* ที่ดิ่งลงในบางช่วงจนแตะระดับ 101,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.03 ล้านบาท) แต่ตลาดก็สามารถดีดกลับขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง ล่าสุดราคาฟื้นตัวเกิน 115,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.02 ล้านบาท) ซึ่งสร้างกระแสคาดการณ์ว่า อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง
หนึ่งในเสียงสะท้อนที่ชัดเจนคือจาก *อเล็กซ์ เบกเกอร์(Alex Becker)* อินฟลูเอนเซอร์สายคริปโตที่ออกโรงผ่านยูทูบว่า ตลาดตกอยู่ในภาวะซบเซาเกินไป และปฏิกิริยาของนักลงทุนหลังคำกล่าวขู่เรียกเก็บภาษี 100% กับผลิตภัณฑ์ไฮเทคจากจีนของทรัมป์ เรียกว่า “เป็นการตอบสนองเกินเหตุ” พร้อมระบุว่านี่คือ “การร่วงลงที่ถูกจัดฉากมากที่สุดในประวัติศาสตร์คริปโต” และย้ำว่า บิตคอยน์มีแนวโน้มจะกลับไปทำ *จุดสูงสุดใหม่ (ATH)* ได้อีกครั้ง ความคิดเห็นส่วนตัวของเขาคือ “นี่ไม่ใช่เวลาขาย เพราะมันอาจเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลาที่สุด”
ในฝั่งของนักวิเคราะห์สายเทคนิคชื่อดังอย่าง *ปีเตอร์ แบรนต์(Peter Brandt)* ก็แสดงความเห็นในเชิงบวก เขาชี้ว่าไม่เพียงแต่บิตคอยน์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอีเธอเรียม(ETH), ริปเปิล(XRP) และสเตลลาร์(XLM) ต่างก็มีสัญญาณการเตรียมตัวเคลื่อนไหวสู่ระดับสูงสุดใหม่ ด้านนักวิเคราะห์บนโซเชียลมีเดียชื่อ ‘เท็ด(Ted)’ เผยว่าหากบิตคอยน์ทะลุแนวต้านที่ 117,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.3 ล้านบาท) ได้สำเร็จ การทำสถิติราคาสูงสุดใหม่จะเหลือแค่เรื่องของเวลา
ข้อมูลบนเครือข่ายยังตอกย้ำกระแส *ขาขึ้น* เช่นเดียวกัน โดยรายงานจาก *คริปโตควอนต์(CryptoQuant)* ระบุว่า ปริมาณบิตคอยน์ที่ฝากไว้ในแพลตฟอร์มซื้อขายลดลงมาอยู่ที่ราว 2.43 ล้าน BTC ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี สะท้อนว่านักลงทุนมีแนวโน้ม *ถือสะสมระยะยาว* และไม่เร่งขายในระยะนี้ ขณะเดียวกันดัชนี ‘ความกลัวและความโลภ’ ที่ติดตามอารมณ์ตลาดก็ฟื้นตัวจากระดับ 24 กลับขึ้นมาอยู่ที่ 38 แม้ยังอยู่ในโซน ‘ความกลัว’ แต่ก็มีเสียงในวงการอ้างคำของ *วอร์เรน บัฟเฟตต์* ว่า “จงกล้าตอนคนอื่นกลัว” เป็นสัญญาณที่หลายคนกำลังถือโอกาสเข้าซื้อ
แม้คำกล่าวของทรัมป์อาจกระทบราคาครั้งนี้ในระยะสั้น แต่บรรยากาศโดยรวมยังเต็มไปด้วย *ความหวังเชิงบวก* นักลงทุนหลายรายมองว่านี่คือ ***โอกาสสะสมต้นทุน*** สำหรับการวิ่งขึ้นระยะยาว ท่ามกลางการจับตาว่าราคาจะสามารถฝ่าแนวต้านทางเทคนิค และตอบรับสัญญาณจากภาวะเศรษฐกิจหรือข่าวนโยบายครั้งต่อไปได้อย่างไร ซึ่งหากเป็นไปตามแนวโน้ม กระแส ***ความคาดหวังต่อการทำจุดสูงสุดใหม่*** ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ความคิดเห็น 0