Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

บิตคอยน์(BTC) พุ่งแรงรับพายุปัจจัยบวก คาดแตะ 120,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น

บิตคอยน์(BTC) พุ่งแรงรับพายุปัจจัยบวก คาดแตะ 120,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น / Tokenpost

บิตคอยน์(BTC) เริ่มกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางปัจจัยสนับสนุนขนาดใหญ่สามประการ ได้แก่ ความไม่แน่นอนจากการที่รัฐบาลสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์, การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ และการประกาศใช้นโยบาย ‘ไม่เก็บภาษี’ กำไรจากการถือครองบิตคอยน์โดยกระทรวงการคลังของสหรัฐ สถานการณ์เหล่านี้รวมกันกลายเป็นภาวะที่นักวิเคราะห์เรียกว่า ‘พายุสมบูรณ์แบบ’ ซึ่งอาจผลักดันให้ราคาบิตคอยน์พุ่งแตะระดับ 120,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.3 ล้านบาท) ในระยะสั้น

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นกว่า 5% ในช่วงเปิดตลาดของเอเชีย ทะลุระดับ 119,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.26 ล้านบาท) ขณะที่ตลาดการเงินดั้งเดิมยังสั่นคลอนจากความวิตกเกี่ยวกับการชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ภาวะดังกล่าวกลับกลายเป็นแรงหนุนให้บิตคอยน์ได้รับบทบาท ‘ทองคำดิจิทัล’ มากยิ่งขึ้น พร้อมกับความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้จากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด

รายงานจากคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่เปิดเผยโดย ADP ลดลงถึง 32,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบสองปี นอกจากนี้ การเลื่อนประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม ยังยิ่งกระตุ้นให้นักลงทุนคาดว่า Fed อาจหันไปลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนตุลาคม ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวยังส่งผลให้กระแสเงินไหลเข้าสู่บิตคอยน์เพิ่มขึ้น

ด้านกฎระเบียบเองก็ส่งสัญญาณบวกอย่างชัดเจน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดสหรัฐ (SEC) ได้เริ่มผ่อนผันเกณฑ์การอนุมัติ ETF ที่เกี่ยวข้องกับคริปโต รวมถึงการพิจารณา ETF ที่อิงกับโซลานา(SOL) และริปเปิล(XRP) ที่เตรียมเปิดให้ยื่นขอในเดือนนี้ โดยเฉพาะ ETF บิตคอยน์แบบสปอตของสหรัฐที่มียอดเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้นถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนกันยายน ขณะที่กองทุนของบริษัทแบล็ครอก(BlackRock) มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทะลุ 80,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 2.8 ล้านล้านบาท กลุ่มสถาบันอย่างเวนการ์ด(Vanguard) ซึ่งเคยมองลบต่อคริปโต ก็มีรายงานว่ากำลังพิจารณาทบทวนจุดยืนอีกครั้งหนึ่ง

ในอีกด้านหนึ่ง กระทรวงการคลังสหรัฐออกแถลงยืนยันว่าจะไม่เก็บภาษีกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการถือครองบิตคอยน์โดยภาคธุรกิจ นักวิเคราะห์เห็นว่า นี่คือ ‘จุดเปลี่ยนนโยบาย’ และอาจเปิดทางให้บริษัทต่าง ๆ หันมาใช้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรองมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลออนเชนล่าสุดยังสนับสนุนทิศทางขาขึ้น โดยจำนวนบิตคอยน์ที่ถืออยู่ในกระดานเทรดลดลงจากประมาณ 2.61 ล้านเหรียญในช่วงต้นเดือนกันยายน เหลือเพียง 2.49 ล้านเหรียญในวันที่ 1 ตุลาคม เทรนด์นี้สะท้อนถึงการย้ายเหรียญออกจากตลาดเข้าสู่กระเป๋าภายนอก ซึ่งหมายถึงแรงเทขายที่ลดลง

ในชุมชนคริปโต เดือนตุลาคมถูกเรียกขานว่า ‘อัพโทเบอร์’ เนื่องจากมักเป็นเดือนแห่งการปรับตัวขึ้นของราคา ตัวเลขราคาทองคำก็ตอกย้ำแนวโน้มดังกล่าว หลังจากทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง ส่งผลต่อความรู้สึกเชิงบวกในตลาดบิตคอยน์เช่นกัน

นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า “ปัจจัยกระตุ้นรอบนี้ไม่ได้มาจากแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่เป็นผลลัพธ์จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย ความต้องการจากสถาบัน การผ่อนคลายภาษี และการลดลงของอุปทานในตลาด” พร้อมมองว่าสิ่งเหล่านี้ได้จุดไฟให้กับขาขึ้นรอบใหม่

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เทคนิคชื่อว่า CasiTrades เตือนว่าบิตคอยน์อาจเผชิญแนวต้านแข็งแกร่งที่ระดับ 120,000–122,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.3–4.4 ล้านบาท) หากสามารถทะลุแนวต้านดังกล่าวได้ มีโอกาสสร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ แต่หากไม่สำเร็จ ก็มีความเสี่ยงที่จะย้อนหล่นลงมาต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.6 ล้านบาท)

เธอย้ำว่า สถานการณ์ขณะนี้คือ “ภาวะที่ความเสี่ยงและผลตอบแทนอยู่ร่วมกันอย่างสุดขั้ว” พร้อมแนะนำให้นักลงทุนเข้าตลาดด้วยความระมัดระวัง

คำถามที่เหลืออยู่คือ บิตคอยน์กำลังอยู่แค่ช่วงดีดตัวระยะสั้น หรือกำลังเปิดฉาก ‘ตลาดกระทิง’ รอบใหม่ สิ่งที่แน่ชัดคือ สภาพแวดล้อมระดับมหภาคและปัจจัยเชิงนโยบายในตอนนี้ กำลังสร้าง ‘สูตรที่สมบูรณ์แบบ’ ให้กับตลาดบิตคอยน์อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1