เจสซี พอลแล็ก(Jesse Pollak) หัวหน้าฝ่ายพัฒนา ‘เบส(Base)’ บล็อกเชนเลเยอร์2 ของคอยน์เบส(Coinbase) ออกมา *วิจารณ์อย่างรุนแรง* ถึงโครงสร้างค่าธรรมเนียมการขึ้นทะเบียนเหรียญของไบแนนซ์(Binance) โดยชี้ว่ารูปแบบที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมถึงระดับ ‘หลายร้อยล้านวอน’ อาจกลายเป็น *อุปสรรคสำคัญ* สำหรับการเติบโตของตลาดเว็บ3
พอลแล็กระบุว่า ไบแนนซ์เรียกร้องให้โครงการที่ต้องการจะลิสต์เหรียญต้องมอบโทเคนล่วงหน้า 3% ภายใต้ข้ออ้างเรื่องแอร์ดรอป และอาจมีการเรียกเก็บอีก 3% หลังลิสต์แล้ว ซึ่งถือเป็น *ระบบค่าธรรมเนียมสองชั้น* ที่ขัดแย้งกับหลักการกระจายอำนาจของอุตสาหกรรมคริปโตอย่างสิ้นเชิง ในทางตรงกันข้าม เขาย้ำว่า เบสเปิดกว้างให้ทุกคนสามารถสร้างโปรเจกต์บนแพลตฟอร์มได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และเน้นว่า *ค่าลิสต์เหรียญควรเป็นศูนย์* เพื่อสนับสนุนระบบนิเวศที่เอื้อต่อผู้พัฒนาอย่างแท้จริง
คอยน์เบสได้ปรับใช้โมเดลที่ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการลิสต์, ไม่บังคับให้แอร์ดรอป, และไม่ต้องมีหลักประกันขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยลดภาระต้นทุนให้โปรเจกต์สามารถโฟกัสกับการพัฒนาได้เต็มที่ พอลแล็กระบุว่า โครงสร้างดังกล่าวจะนำไปสู่ *การหลั่งไหลของนักพัฒนาและการเติบโตของโปรเจกต์คุณภาพ* ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการแข่งขันในระยะยาว
“การลิสต์เหรียญไม่ควรถูกสงวนไว้ให้กับผู้ที่มีเงินทุนมากเท่านั้น” เขากล่าว พร้อมเน้นถึงความสำคัญของการลด ‘กำแพงการเข้าถึง’ เพื่อให้ระบบนิเวศคริปโตเปิดกว้างสำหรับทุกคน
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาในชุมชนคริปโตกลับแตกออกเป็นสองกลุ่ม โดยอินฟลูเอนเซอร์ ‘Crypto Bitlord’ โต้ว่า “ค่าธรรมเนียมในการลิสต์เป็นเรื่องปกติ และไบแนนซ์ไม่ได้ทำอะไรผิด” พร้อมทั้งตั้งคำถามกลับว่า “ปีนี้คอยน์เบสลิสต์เหรียญไปกี่ตัว?” ขณะที่ผู้ใช้อื่น ๆ ตั้งข้อสังเกตว่า *การลิสต์แบบไม่มีค่าใช้จ่าย* อาจไม่สามารถทำได้จริง เนื่องจากมีต้นทุนในเรื่องความปลอดภัย, กฎหมาย และสภาพคล่องที่จำเป็นต้องดูแล
แม้จะมีความเห็นที่หลากหลาย แต่ความเป็นไปได้ที่ ‘แพลตฟอร์มที่เป็นมิตรกับนักพัฒนา’ อย่างคอยน์เบสจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น *ก็ถือว่าสูงไม่น้อย* ท่ามกลางความเชื่อมั่นในบิตคอยน์(BTC) และทรัพย์สินดิจิทัลหลักที่ยังคงมีแนวโน้มแข็งแกร่งในระยะยาว คำกล่าวของพอลแล็กอาจสร้างประเด็นเสียงแตกในชั่วขณะ แต่ได้ชี้ให้เห็นว่า *บทบาทของตลาดซื้อขายคริปโตไม่ควรหยุดอยู่แค่การเป็นช่องทางซื้อขาย token* เท่านั้น หากแต่ควรเป็น *ตัวเร่งนวัตกรรม* ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางนโยบายของอุตสาหกรรมในอนาคต
ความคิดเห็น 0