ไบแนนซ์(Binance) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมว่า จะเพิกถอนการซื้อขายแบบสปอตของ 6 คู่เทรด โดยประกอบด้วย ANKR/BTC, BOME/EUR, DATA/BTC, HOME/BNB, SHELL/BNB และ SPK/BNB การเพิกถอนนี้จะมีผลในเวลา 03.00 น. ตามเวลาสากล (UTC) โดยตามคำแถลงของไบแนนซ์ การตัดสินใจครั้งนี้เกิดจาก ‘สภาพคล่องไม่เพียงพอ’ และ ‘ปริมาณการซื้อขายต่ำ’ ซึ่งได้ข้อสรุปจากกระบวนการประเมินและตรวจสอบภายในของบริษัทเอง
แม้ว่าการเพิกถอนจะกระทบการจับคู่ในตลาดสปอต แต่ไบแนนซ์ย้ำว่า ‘ไม่มีผลกระทบต่อการใช้โทเคนบนแพลตฟอร์ม’ โดยจะเป็นการยุติการเทรดระหว่างคู่เหรียญเท่านั้น และ ‘ตัวโทเคนจะยังสามารถใช้ได้ตามปกติ’ ทั้งนี้ ฟีเจอร์ ‘บอตเทรดดิ้ง’ ที่เกี่ยวข้องกับคู่เหรียญดังกล่าวก็จะถูกปิดใช้งานเช่นกัน
ในการตอบสนองต่อความผันผวนที่รุนแรงของตลาดและเหตุการณ์บังคับปิดสถานะขนาดใหญ่ครั้งล่าสุด ไบแนนซ์ยังประกาศเปิดตัวโครงการ "Together Initiative" มูลค่า 5,560 พันล้านวอน (ประมาณ 1.5 พันล้านบาท) เพื่อลดผลกระทบต่อผู้ใช้งาน โดยโครงการนี้มี 2 แนวหลักคือ หนึ่ง, การจ่ายเงินชดเชย USDC มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,170 พันล้านวอน) ให้แก่ผู้ใช้งานที่ ‘ขาดทุนเกิน 30% ของมูลค่าทรัพย์สินในบัญชี’ และขาดทุน ‘ไม่น้อยกว่า 50 ดอลลาร์’ โดยจะได้รับเงินชดเชยระหว่าง 4,000–6,000 ดอลลาร์ต่อราย
สอง, คือการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่กลุ่มนักลงทุนสถาบัน มูลค่าอีก 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,390 พันล้านวอน) เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและช่วยเหลือผู้มีบทบาทในระบบนิเวศที่ได้รับผลกระทบหนักจากการเทขายล่าสุด
การเพิกถอนคู่เทรดและการประกาศมาตรการช่วยเหลือครั้งนี้ สะท้อนถึงท่าทีของไบแนนซ์ที่ต้องการเสริมสร้าง ‘การควบคุมความเสี่ยง’ และ ‘เพิ่มความมั่นคงในการให้บริการ’ บรรดานักวิเคราะห์มองว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจปรับระดับ ‘สภาพคล่องในการเทรด’ และ ‘การเปิดเผยตัวต่อโครงการเฉพาะ’ ในตลาดพร้อมกันนี้ยังชี้ให้เห็นว่า ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งมีความเปราะบางสูง การเคลื่อนไหวของไบแนนซ์นั้นอาจส่งผลลึกไปถึงระดับของ ‘ระบบนิเวศทั้งระบบ’ ไม่ใช่เพียงแค่การเทรดในรายวัน ความเคลื่อนไหวเช่นนี้จึงได้รับความสนใจจากวงการอย่างมาก
ความคิดเห็น 0