ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงการกุศลที่ทำเนียบขาว ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากบุคคลสำคัญในอุตสาหกรรมคริปโต โดยเหล่าผู้ร่วมงานมีทั้ง คาเมรอน และไทเลอร์ วิงเคิลวอส สองผู้ก่อตั้งร่วมของเจมินี ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูงจากโคอินเบส(Coinbase) และริปเปิล(XRP) โดยงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการระดมทุนสร้างห้องจัดเลี้ยงใหม่ภายในทำเนียบขาวบนพื้นที่ 90,000 ตารางฟุต ซึ่งมีงบประมาณรวมสูงถึง 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8,700 ล้านบาท)
แม้มีกระแสวิจารณ์ว่าการจัดงานเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 15 ของการชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลกลาง ซึ่งเหล่าข้าราชการต้องหยุดงานเนื่องจากการถกเถียงด้านงบประมาณระหว่างรีพับลิกันและเดโมแครตยังไร้ข้อสรุป แต่ทรัมป์กลับมุ่งมั่นในการระดมทุนเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งครั้งถัดไป โดยงานครั้งนี้ยังดึงดูดตัวแทนจากเมตา, กูเกิล, แอมะซอน, ล็อกฮีดมาร์ติน และไมโครซอฟท์(MSFT) เข้าร่วมด้วย เพิ่มแรงสะท้อนของอิทธิพลภาคเอกชนในการเมืองสหรัฐ ‘คำ’ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมคริปโตที่เริ่มกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในเครือข่ายระดับสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ
อีกด้านหนึ่ง ครอบครัวทรัมป์ตกเป็นข่าวอีกครั้งหลังจาก ฟายแนนเชียลไทมส์ รายงานว่า โครงการคริปโตภายใต้ชื่อ ‘เวิลด์ ลิเบอร์ตี ไฟแนนเชียล(World Liberty Financial)’ ซึ่งจัดตั้งโดยครอบครัวและผู้ใกล้ชิดของทรัมป์ ทำรายได้ก่อนหักภาษีสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 34,800 ล้านบาท) ภายในหนึ่งปี โดยโครงการดังกล่าวดำเนินธุรกิจทั้งการออกเหรียญโทเคนและสเตเบิลคอยน์ในระดับพันล้านดอลลาร์ และมีการระบุชื่อทรัมป์ไว้ในเว็บไซต์ว่าเป็น ‘คำ’ *ผู้ร่วมก่อตั้งกิตติมศักดิ์*
เอริค ทรัมป์ กล่าวอย่างมั่นใจว่า "ตัวเลขกำไรก็แค่ขั้นต่ำเท่านั้น" สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพระยะยาวของธุรกิจ โดยบริษัทได้พัฒนาแอปสำหรับปล่อยกู้ด้วยคริปโต และกำไรที่ทรัมป์เปิดเผยล่าสุดคือ 57.4 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,000 ล้านบาท) ขณะที่มูลค่าทรัพย์สินที่ครอบครัวยังครองอยู่ภายในโครงการก็คาดว่าจะพุ่งสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 173,000 ล้านบาท) หลังจากโทเคนได้รับการปลดล็อก
รายได้รวมจาก WLFI ในปีนี้เพียงปีเดียวถูกประเมินไว้ที่ 550 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 19,000 ล้านบาท) และยังไม่รวมรายได้จากมีมคอยน์อย่าง ‘ออฟฟิเชียล ทรัมป์(TRUMP)’ และ ‘ออฟฟิเชียล เมลาเนีย มีม(MELANIA)’ ที่ประสบความสำเร็จในการทำยอดขายและค่าธรรมเนียมการเทรดในหลักหลายร้อยล้านดอลลาร์ ‘คำ’ ความโปร่งใสของบล็อกเชนกลายเป็นปัจจัยที่ป้องกันความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์ ส่งผลให้ภาคการเมืองและผู้นำโดยเฉพาะฝั่งรีพับลิกันเริ่มเปิดรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ‘ความคิดเห็น’ ทิศทางนี้อาจเป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดคริปโตได้รับแรงสนับสนุนจากฝ่ายนิติบัญญัติมากยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0