ท่ามกลางการปรับฐานของเหรียญคริปโตชั้นนำอย่าง *บิตคอยน์(BTC)* และ *อีเธอเรียม(ETH)* ตลาดกลับได้เห็นกระแสการพุ่งขึ้นของโทเคนบางตัวที่เชื่อมโยงกับ *ชางเผิง เจา(CZ)* ผู้ก่อตั้งไบแนนซ์ หลังจากที่ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ประกาศการให้อภัยโทษแก่เขาเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2025 โดยเฉพาะ *เวิลด์ลิเบอร์ตี้ไฟแนนเชียล(WLFI)* และ *อาสเตอร์(ASTER)* ได้กลายเป็นเหรียญดาวเด่นในสายตาของนักลงทุนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
*WLFI* ซึ่งเป็นโทเคนของแพลตฟอร์มที่ออก *สเตเบิลคอยน์* ที่ตรึงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 12% ทันทีหลังจากมีข่าวการได้รับอภัยโทษของ CZ โดยราคาพุ่งแตะระดับประมาณ 0.14 ดอลลาร์ แม้ว่าไบแนนซ์จะเป็นหนึ่งในกระดานซื้อขายแรกที่นำ WLFI เข้าสู่ตลาด แต่แหล่งข่าวระบุว่า ‘ไม่มีความเชื่อมโยงโดยตรงอย่างเป็นทางการ’ ระหว่างแพลตฟอร์มนี้กับ CZ
ขณะเดียวกัน *อาสเตอร์* ซึ่งเป็นโทเคนของแพลตฟอร์ม *อนุพันธ์แบบออนเชน* ที่ไม่ต้องยืนยันตัวตน (non-KYC) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากไบแนนซ์ ก็ได้พุ่งขึ้นแรงยิ่งกว่า โดยปรับขึ้นจาก 0.94 ดอลลาร์ เป็น 1.13 ดอลลาร์ หรือประมาณ 20% ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง นักวิเคราะห์มองว่าความร้อนแรงของ ASTER เกิดจากประเด็นสำคัญหลายประการ ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการให้อภัยโทษของประธานาธิบดีทรัมป์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการที่ CZ เคยช่วยผลักดันโครงการนี้ในช่วงเริ่มต้น และความสามารถของแพลตฟอร์มนี้ในการดึงผู้ใช้จาก *Hyperliquid* ได้สำเร็จ
นอกจากนี้ ยังมีคริปโตอื่นที่ได้รับแรงซื้ออย่างหนัก เช่น *เชนโอเปร่าเอไอ(COAI)* ที่ราคาพุ่งขึ้นกว่า 33.5% และ *ซิแคช(ZEC)* ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 10% ขณะที่ในเครือข่าย *โซลานา(SOL)* โครงการหลักอย่าง *จูปิเตอร์(JUP)* และ *ปั๊มฟัน(Pump.fun)* ก็โชว์ผลงานได้ดีกว่าตลาดโดยรวม
*ไบแนนซ์คอยน์(BNB)* ซึ่งเป็นคริปโตหลักในระบบนิเวศไบแนนซ์ ก็แสดงศักยภาพได้อย่างโดดเด่น โดยราคาพุ่งจาก 1,060 ดอลลาร์ ขึ้นไปสูงสุดที่ 1,140 ดอลลาร์ ก่อนจะอ่อนตัวมาที่ราว 1,107 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นประมาณ 7.5%
*ประธานาธิบดีทรัมป์* ได้ประกาศให้อภัยโทษแก่ *ชางเผิง เจา* ซึ่งเคยรับสารภาพในข้อหาการฟอกเงินและรับโทษจำคุก 4 เดือน โดยการตัดสินใจครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณจบ 'สงครามกับคริปโต' ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ยุคของรัฐบาลไบเดน คำสั่งอภัยโทษยังเปิดทางให้ CZ สามารถกลับมามีบทบาทในระดับบริหารของไบแนนซ์ได้อย่างเป็นทางการ
การเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การให้อภัยส่วนบุคคลเท่านั้น แต่สะท้อนถึง ‘การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย’ ที่อาจช่วยพลิกเกมให้คริปโตกลับมาอยู่ในจุดสนใจใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่เขากำลังเร่งสร้างโมเมนตัมเพื่อชิงชัยในการเลือกตั้งสมัยหน้า ความเป็นมิตรต่อคริปโตของทรัมป์อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางการกำกับดูแลบล็อกเชนในสหรัฐอเมริกาในอนาคต
ความคิดเห็น 0