ริปเปิล(XRP) กลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง หลังจากเมื่อไม่นานมานี้มีรายงานว่า บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.45 แสนล้านบาท) ในการเข้าซื้อกิจการหลายแห่งในปี 2025 เพียงปีเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์เชิงรุกที่คล้ายกับช่วงปี 2021 ขณะที่ราคา *บิตคอยน์(BTC)* กำลังเผชิญแรงกดดันด้านลบ โดยมีการเตือนว่าแนวรับ 60,000 ดอลลาร์อาจแตกร่วง ส่วนบริษัทลงทุนชื่อดังอย่าง *สเตรทีจี* ก็ยังไม่หยุดเดินหน้าเข้าซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติม โดยล่าสุดเตรียมระดมทุนอีกกว่า 3.5 พันล้านยูโรเพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์นี้อย่างต่อเนื่อง
ริปเปิลได้เดินเกมเชิงรุกในการควบรวมและซื้อกิจการ โดยในปีนี้เพียงปีเดียว บริษัทได้เข้าซื้อ ‘Hidden Road’ แพลตฟอร์มนายหน้าซื้อขายระดับไพรม์ด้วยมูลค่า 1.25 พันล้านดอลลาร์ ตามด้วย ‘GTreasury’ ผู้ให้บริการโซลูชันบริหารเงินองค์กรในราคา 1 พันล้านดอลลาร์ และ ‘Rail’ บริษัทโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสเตเบิลคอยน์ คิดเป็นมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังเข้าซื้อ ‘Palisade’ ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ใช้เทคโนโลยี Multi-Party Computation (MPC) ซึ่งถือว่าเป็นตัวต่อสำคัญในการต่อยอดกลยุทธ์การดูแลสินทรัพย์–การชำระเงิน–และการจัดการสภาพคล่องแบบบูรณาการของริปเปิล
บริษัทระบุว่าวิสัยทัศน์ใหม่ของพวกเขาคือการให้ผู้ใช้สามารถบริหารจัดการสินทรัพย์ภายในระบบโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้รับฝากภายนอก อันเป็นการยกระดับจากเครือข่ายชำระเงินธรรมดาสู่การเป็นแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานที่ควบคุมได้ครบวงจร โดยปัจจุบัน XRP มีมูลค่าตามราคาตลาดประมาณ 136.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 4.9 ล้านล้านบาท) ซึ่งยังคงแสดงอิทธิพลในตลาดอย่างชัดเจน
อีกด้านหนึ่ง *ตลาดบิตคอยน์* กลับเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างเพิ่มขึ้น ปีเตอร์ แบรนต์(Peter Brandt) เทรดเดอร์รุ่นเก๋า ระบุว่าบิตคอยนอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว โดยประมาณความเป็นไปได้ไว้ที่ 60% พร้อมคำเตือนว่าแนวรับสำคัญอยู่บริเวณ 60,000 ดอลลาร์ หากราคาหลุดจากจุดนี้ อาจเกิดแรงขายต่อเนื่องจนราคาย่อลงไปถึงระดับ 88,000 ดอลลาร์ หรือต่ำกว่านั้น “การฟื้นตัวที่ลดลงพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง รวมถึงการนิ่งเงียบของวาฬ (นักลงทุนรายใหญ่) กำลังส่งสัญญาณเตือน” แบรนต์กล่าว
อย่างไรก็ดี *ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor)* ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท สเตรทีจียังคงถือมั่นในศรัทธาต่อบิตคอยน์ไม่เสื่อมคลาย ล่าสุด บริษัทได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนโดยการออกหุ้นพิเศษจำนวน 35 ล้านหุ้น ซึ่งคาดว่าจะนำเงินทุนกว่า 3.5 พันล้านยูโรที่ได้ไปใช้หมุนเวียนกิจการส่วนหนึ่ง และส่วนใหญ่จะนำไป *ลงทุนซื้อบิตคอยน์* เพิ่ม
นอกจากนี้ สเตรทีจียังได้ซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 397 BTC ด้วยวงเงินราว 45.6 ล้านดอลลาร์ ล่าสุดมูลค่าการถือครองทั้งหมดอยู่ที่ 641,205 BTC ซึ่งอิงจากราคาปัจจุบันคิดเป็นมูลค่าประมาณ 69 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.45 ล้านล้านบาท) โดยเซย์เลอร์ยังคงคาดหวังว่าราคาบิตคอยน์จะพุ่งไปถึง 150,000 ดอลลาร์ในปี 2025 ซึ่งการออกหุ้นแบบอิงยูโรครั้งนี้ยังเปิดประตูการลงทุนจากยุโรปมากขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของตลาดยังคงไม่สดใส มีการคาดการณ์เพิ่มเติมว่าราคาบิตคอยน์อาจยืนอยู่ระหว่าง 90,000-100,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น แต่หากแนวรับตรงนี้ไม่สามารถรักษาไว้ได้ ราคาสามารถดิ่งลงถึงจุดที่แบรนต์ระบุไว้คือระดับ 60,000 ดอลลาร์ ส่วน XRP แม้จะพยายามรักษาระดับไว้ที่ 2.10 ดอลลาร์ แต่ก็ไม่สามารถต้านแรงกดดันจากตลาดโดยรวมได้มากนัก ขณะที่ราคาหุ้นของสเตรทีจีก็อาจเผชิญแรงขายหนักหากหลุดแนว 250 ดอลลาร์ลงมา
บรรยากาศโดยรวมของตลาดคริปโตในขณะนี้อยู่ในภาวะผันผวนสูง ภายใต้ภาวะกดดันจากทั้งด้านความกลัวและความโลภ ริปเปิลและสเตรทีจีแม้จะเดินเกมแตกต่าง แต่ก็ล้วนแล้วแต่แสดงความพยายามในการหาทางฟื้นตัวจากภาวะซบเซานี้ ความคิดเห็น: ในช่วงที่ตลาดคริปโตอยู่ในจุดเปลี่ยน กลยุทธ์จากทั้งฝั่งเทคโนโลยีและการเงินเป็นสิ่งที่ควรจับตามองอย่างใกล้ชิด
                    
                                            
                                                                                                                    
                                                                                                                    
                                                                                                                    
                                                                                                                    
                                                                                                                    
                                                                                                                    
                                                                                                                    
                                                                                                                    
                                                                                                                    
                                                                                                                    
                                                        
                                                        
                                                        
                                                        
                                                
                                                
                                                
                                                
                                                
                                                
                                                
                                                
                                                
                                                
ความคิดเห็น 0