ราคาของริปเปิล(XRP) ยังคงปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นในหมู่นักลงทุนคริปโต แม้จะมีข่าวบวกต่อเนื่อง แต่สภาพตลาดที่ซบเซา รวมถึงแรงขายจากนักลงทุนรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ กลับกลายเป็นแรงกดดัน ทำให้ XRP เข้าสู่ภาวะ ‘ขาลง’ ในระยะสั้น
บิตคอยน์(BTC) ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์นำของตลาด ได้ลดลงจากระดับแนวต้านที่ 104,000 ดอลลาร์ เหลือเพียง 100,000 ดอลลาร์ ทำให้บรรยากาศโดยรวมของตลาดคริปโตเผชิญแรงขายตามไปด้วย โดยเฉพาะ XRP ที่ร่วงลงกว่า *4% ภายในวันเดียว* ถือเป็นการปรับฐานที่รุนแรงกว่าสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ตัวอื่น
ข้อมูลนี้ตรงข้ามกับข่าวบวกของริปเปิลในช่วงหลัง ไม่กี่วันที่ผ่านมา ริปเปิลเพิ่งสามารถระดมทุนได้ถึง 500 ล้านดอลลาร์ จากกลุ่มนักลงทุนชั้นนำอย่าง ฟอร์เทรส อินเวสต์เมนต์ กรุ๊ป, มาร์แชล เวย์ส, ซิตาเดล ซีเคียวริตี้ส์ และพันเทรา แคปิตอล ส่งผลให้มูลค่าบริษัทแตะระดับ *40,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.4 ล้านล้านบาท)* ขณะเดียวกัน ยังมีความเคลื่อนไหวด้านพาร์ตเนอร์กับบริษัทใหญ่อย่าง มาสเตอร์การ์ด, WebBank และเจมิไน เพื่อขยายเครือข่ายการชำระเงินของเหรียญเสถียร RLUSD
ด้าน *ข้อมูลออนเชน* เองก็สะท้อนแนวโน้มเชิงบวก โดยมีการเปิดกระเป๋า XRP ใหม่เพิ่มขึ้นถึง 21,595 รายในช่วง 2 วัน สูงสุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่จำนวนธุรกรรมบนกระดานกระจายศูนย์ (DEX) ของ XRP เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 950,000 รายการต่อวัน ทุบสถิติเดิม
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า *แรงขายจากกลุ่มวาฬมีบทบาทสำคัญต่อการดิ่งลงของราคา* โดยในช่วง 5 วันที่ผ่านมา พบหลักฐานว่ามีการเทขาย XRP เกิน 900,000 เหรียญ ซึ่งกดดันราคาต่อเนื่องและซ้ำเติมบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้น
อินคัมชาร์คส์ (IncomeSharks) แพลตฟอร์มวิเคราะห์ตลาด คาดการณ์ว่า หากแนวโน้มนี้ยังคงอยู่ ราคา XRP อาจหลุดระดับ 2 ดอลลาร์ลงไปได้ โดยขณะนี้ XRP กำลังต่อสู้เพื่อรักษาระดับแนวรับที่ 2.20 ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงเทขายอย่างหนัก ซึ่งทำให้ราคาร่วงลงแล้ว *ราว 23% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา*
ในแง่ของมูลค่าตลาด XRP ยังต้องแข่งขันอย่างดุเดือดกับไบแนนซ์คอยน์(BNB) เพื่อรักษาอันดับที่ 4 โดยแม้ตอนนี้จะยังคงนำหน้าได้บ้าง แต่ *ความเหลื่อมล้ำมีน้อยมาก* และอาจเกิดการสลับตำแหน่งได้ทุกเมื่อ
สรุปแล้ว แนวโน้มราคาของริปเปิลในช่วงนี้ยังคง *ถูกกดดันจากปัจจัยหลายด้าน* ทั้งสภาพตลาดโดยรวมและแรงขายจากผู้เล่นรายใหญ่ ซึ่งโอกาสในการฟื้นตัวยังคงขึ้นอยู่กับการฟื้นความเชื่อมั่นในระยะสั้น และ *การลดลงของแรงขาย* จากกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ในระยะต่อไป
ความคิดเห็น 0