บริษัทผู้ดูแลสินทรัพย์คริปโตของสหรัฐฯ อย่าง *บิตโก(BitGo)* ทำให้เครือข่ายของ *ริปเปิล(XRP)* เกิดความวุ่นวายชั่วคราว หลังจากที่กระเป๋าเงินดิจิทัลของบริษัทใช้ *XRP* ที่มีอยู่จนหมด ส่งผลให้เกิดธุรกรรมไร้ผลหรือ 'สแปมทรานแซกชัน' จำนวนมากในเครือข่าย *XRP Ledger*
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) มีรายงานว่าปัญหาเริ่มต้นจากระบบสคริปต์อัตโนมัติของบิตโกที่พยายามสร้างบัญชีใหม่ในขณะที่เหลือ *XRP* เป็นศูนย์ ทั้งที่การเปิดบัญชีใหม่ในเครือข่ายต้องใช้เงินประกันอย่างน้อย 1 *XRP* ต่อบัญชี ด้วยเหตุนี้ การสร้างบัญชีจึงล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดรายการ ‘ชำระเงินไม่สำเร็จ(UNFUNDED PAYMENT)’ หลายพันรายการสะสมอยู่
ผลที่ตามมาคือ เขตบัฟเฟอร์การทำธุรกรรม หรือลานรอ(Mempool) ของ *XRP Ledger* ถูกถมด้วย “ธุรกรรมที่ไม่มีค่า” และเครือข่ายก็ชะงักจากปริมาณ *สแปมทรานแซกชัน* อย่างหนัก ในช่วงพีค การขอบัญชีใหม่ต่อวันพุ่งแตะหลัก 10,000 รายการ กระทั่งกระเป๋าบิตโกหมดเหรียญ และกระบวนการจึงหยุดลงโดยสมบูรณ์
‘Vet’ นักพัฒนาจากชุมชน *XRP* เป็นคนแรกที่ตรวจพบความผิดปกติ เขาทวีตพร้อมประชดว่าบอทของบิตโกกำลังทำงานแบบ “ลูปไม่มีที่สิ้นสุด” ซึ่งสร้างความขบขันและกังวลให้กับผู้ติดตามจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแฮกหรือเจตนาละเมิดข้อมูล แต่เกิดจากข้อผิดพลาดภายในระบบโดยตรง
*บิตโก* รับทราบความผิดพลาดอย่างรวดเร็ว และรีบเติมเงินเข้ากระเป๋าอีก 1,048 *XRP* (คิดเป็นประมาณ 1,048 ดอลลาร์) เพื่อยุติวงจรผิดพลาดและฟื้นฟูระบบให้กลับมาใช้งานได้เป็นปกติ
กรณีนี้จึงถูกมองว่าเป็นตัวอย่างสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า *โค้ดอัตโนมัติที่ตั้งค่าไม่เหมาะสม* อาจมีผลกระทบถึงขั้นทำให้เครือข่ายบล็อกเชนทั้งหมดเกิดความล่าช้าได้ โชคดีที่ขณะนี้ *XRP Ledger* ได้รับการฟื้นฟูสมบูรณ์แล้ว และระบบของบิตโกก็หยุดการทำงานผิดปกติแล้วเช่นกัน
ความคิดเห็น 0