เอเอ็มแมเนจเมนต์(AM Management) เปิดเผยรายงานประจำสัปดาห์เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยวิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างการยุติภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ กับกระแสตลาดคริปโต พร้อมชี้ว่าแม้จะมีความคาดหวังต่อการกลับสู่ภาวะนโยบายปกติ แต่ ‘ความไม่แน่นอนของสภาพแวดล้อมทางการเงิน’ ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเปลี่ยนแนวโน้มของตลาด
ภาวะชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อนานถึง 43 วันไม่ได้เป็นเพียงการกลับมาเปิดทำการของระบบราชการเท่านั้น แต่ยังถูกตีความว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการผ่อนคลายนโยบาย เช่น การถอนมาตรการภาษี และการรื้อฟื้นความร่วมมือระหว่างสหรัฐ-จีน อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงเผชิญกับ ‘ความต้องการภาคจริงที่ชะลอตัว’ และ ‘เงื่อนไขการเงินตึงตัว’ ซึ่งเป็นความเสี่ยงเชิงโครงสร้างที่ยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ที่อาจจำกัดความสามารถในการตัดสินใจทางนโยบายในที่ประชุม FOMC เดือนธันวาคม เนื่องจาก ‘ข้อมูลเศรษฐกิจที่ขาดช่วง’
ในตลาดคริปโต สถานการณ์ยังคง ‘มีความผันผวนสูง’ จากข้อมูลของ AM Management บิตคอยน์(BTC) ปรับตัวลดลงประมาณ -10.56% ภายในสัปดาห์เดียว ปิดที่ระดับราคา 95,156 ดอลลาร์ ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) ก็อ่อนแรงลง ดัชนีดอมิแนนซ์ร่วงลงอีก 4.58% แม้จะมี ‘ความแตกต่างอย่างชัดเจนในกลุ่มอัลต์คอยน์’ แต่ตลาดโดยรวมยังคงอยู่ในโหมดระมัดระวัง โดยนักลงทุนบางส่วนย้ายสภาพคล่องไปยังสเตเบิลคอยน์ แสดงออกถึงท่าทีที่ ‘เน้นป้องกันความเสี่ยง’
ในฝั่งตลาด ETF กระแส ‘แรงขายทำกำไร’ และ ‘หลีกเลี่ยงความเสี่ยง’ ก็สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน โดยบิตคอยน์ ETF มีเงินไหลออก (Net Outflow) รวมกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ระหว่างวันที่ 10–14 พฤศจิกายน เงินทุนบางส่วนที่ไหลเข้าสู่ตลาดก็ถอนออกอย่างรวดเร็ว ขณะที่อีเธอเรียม ETF เผชิญกระแสเงินไหลออกต่อเนื่อง 4 วันติดกัน แต่โซลานา(SOL) ETF กลับมีกระแสเข้า 6.8 ล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นถึงการ ‘จัดสรรเงินทุนแบบเลือกเจาะจง’ ในท่ามกลางความไม่แน่นอน
ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ราว 4.00% ตลาดยังคงประเมินโอกาสการ ‘ปรับลดดอกเบี้ย’ โดยรายงานคาดการณ์ว่าการคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนธันวาคม มีความเป็นไปได้ราว 54.2% ส่วนโอกาสการลดดอกเบี้ยสู่ระดับ 3.50-3.75% อยู่ที่ 45.8% ทั้งนี้มุมมองของ Fed มีแนวโน้มที่จะ ‘ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและจังหวะของการผ่อนคลายมากกว่าวันเริ่มต้น’ หากข้อมูลเงินเฟ้อชะลอตัวเร็ว การผ่อนคลายนโยบายอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าคาด แต่ถ้าภาคบริโภคถดถอยรุนแรงก็อาจเพิ่มแรงกดดันด้านลบให้เศรษฐกิจ
ทางด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค บิตคอยน์ยังคงแสดงสัญญาณ ‘RSI ที่มี Divergence เชิงบวก’ โดยราคากำลังพยายามยืนเหนือแนวรับที่ 93,400 ถึง 91,600 ดอลลาร์ ความสามารถในการยืนได้เหนือระดับนี้จะเป็น ‘จุดชี้ชะตา’ ต่อการฟื้นตัวระยะสั้น ย้อนกลับไปในช่วงภาวะชัตดาวน์ครั้งที่ 1 ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ในปี 2018-2019 ราคาบิตคอยน์ก็เคยร่วงลง -8% ก่อนจะฟื้นกลับอีกครั้งจากความหวังด้านนโยบายและสภาพคล่อง
สรุปแล้ว แม้การยุติชัตดาวน์จะช่วยลดความไม่แน่นอนด้านการเมือง แต่การตัดสินใจทางเศรษฐกิจยังคงถูกจำกัดจากช่องว่างของข้อมูล AM Management ระบุว่า เหตุการณ์สำคัญที่จะกำหนดทิศทางตลาดในระยะกลางถึงสั้น ได้แก่ การประกาศผลประกอบการของเอ็นวิเดีย(NVIDIA) และการกลับมาของข้อมูลเศรษฐกิจที่ครบถ้วน โดยเฉพาะ ‘ท่าทีของ Fed ในการประชุมเดือนธันวาคม’ อาจเป็นตัวเร่งให้ตลาดคริปโตเข้าสู่ ‘วัฏจักรขาขึ้นระยะกลาง’ อีกครั้งภายใต้นโยบายผ่อนคลายหากมีความชัดเจนมากพอ
ความคิดเห็น 0