วิตาลิก บูเทอริน ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม(ETH) ได้ออกมาเตือนถึงความ ‘เร่งด่วน’ ของการเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยบนบล็อกเชน ท่ามกลางความก้าวหน้าของเทคโนโลยีควอนตัม พร้อมเสนอ ‘ไทม์ไลน์ชัดเจน’ ในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบต้านทานควอนตัมเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึง 4 ปี
เมื่อวันที่ 24 ในงานประชุมนักพัฒนา Devconnect ซึ่งจัดขึ้นโดยชุมชนอีเธอเรียม บูเทอรินกล่าวเตือนนักพัฒนาว่า *“ถ้าไม่ปรับใช้ระบบเข้ารหัสแบบต้านทานควอนตัมภายใน 3 ปี อีเธอเรียมอาจเผชิญภัยคุกคามครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัย”* โดยเขาได้ระบุไทม์ไลน์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2028 เทคโนโลยีควอนตัมอาจสามารถเจาะระบบการเข้ารหัสแบบเส้นโค้งวงรี(Elliptic Curve Cryptography: ECC) ได้ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่อีเธอเรียม บิตคอยน์(BTC) ไปจนถึงเครือข่ายบล็อกเชนอื่น ๆ
ระบบเส้นโค้งวงรีถือเป็นรากฐานด้านความปลอดภัยในโลกคริปโต หากเทคโนโลยีควอนตัมสามารถเจาะระบบนี้ได้จริง จะนำไปสู่ความเสี่ยง *‘การขโมยกุญแจส่วนตัว การสร้างธุรกรรมปลอม ไปจนถึงการเข้าควบคุมเครือข่าย’* ซึ่งจะส่งผลร้ายแรงต่อความเชื่อมั่นในตลาดคริปโตและอาจทำให้สินทรัพย์ผู้ใช้งานตกอยู่ในอันตราย
ข้อมูลจากบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย *โซลิด อินเทล(Solid Intel)* ก็ยืนยันความกังวล โดยระบุว่า หากแฮกเกอร์เข้าถึงคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้ ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่เครือข่ายอย่างอีเธอเรียมจะถูกโจมตีแบบควบคุมไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบกว้างไกลถึงระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ทั้งหมด
ความคิดเห็น: สถานการณ์ดังกล่าวทำให้อุตสาหกรรมหันไปจับตาว่า *อีเธอเรียมจะสามารถเป็นผู้นำในการพลิกเข้าสู่ความปลอดภัยยุคควอนตัมได้หรือไม่* หลายฝ่ายมองว่า ด้วยเทคโนโลยีและชุมชนที่แข็งแกร่ง อีเธอเรียมมีศักยภาพในการผลักดันบล็อกเชนที่ต้านทานควอนตัมได้จริง
บูเทอรินเคยกล่าวไว้เมื่อเดือนกันยายน 2025 ที่งานประชุมกับนักพัฒนาที่ญี่ปุ่นว่า *“อีเธอเรียมจะเป็นเครือข่ายที่ปลอดภัยและมุ่งสู่อนาคตมากที่สุด”* โดยย้ำจุดยืนต่อการหาจุดลงตัวระหว่าง *ความปลอดภัย* และ *ความสะดวกในการใช้งาน*
ในขณะที่การพัฒนาและการใช้งานคอมพิวเตอร์ควอนตัมใกล้ความจริงเข้าไปทุกที ตอนนี้จึงไม่ใช่แค่การคาดการณ์ว่าอันตรายจะมาถึงเมื่อไร แต่ *เป็นเวลาที่ทุกเครือข่ายบล็อกเชนต้องยอมรับว่าภัยนี้กำลังมาแน่นอน* คำเตือนของบูเทอรินจึงไม่ใช่เพียงข้อเสนอแนะ แต่คือเสียงกระตุ้นให้ทั้งวงการหันเหเส้นทางสู่ ‘ความอยู่รอด’ ของระบบบล็อกเชนในยุคใหม่
ความคิดเห็น 0