รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศอนุมัติ ‘มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ’ มูลค่ารวมกว่า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 180 ล้านล้านเยน) เมื่อวันที่ 2 ซึ่งมีเป้าหมายลดภาระค่าครองชีพและช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม ตลาดกลับไม่ตอบรับเชิงบวก โดยมีการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลและการอ่อนค่าต่อเนื่องของเงินเยน ส่งผลให้ตลาดคริปโตแสดงความกังวลต่อทิศทางของนโยบายใหม่นี้
แผนกระตุ้นของญี่ปุ่นมุ่งเน้นที่การสนับสนุนต้นทุนค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้าของประชาชน โดยนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิและคณะรัฐมนตรีเชื่อว่ามาตรการนี้จะสามารถลดอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยลงได้ราว 0.7 จุดเปอร์เซ็นต์ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน แต่ตลาดการเงินประเมินต่างออกไป
เงินเยนร่วงลงจนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นแตะ 1.84% เมื่อวันที่ 1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 การใช้จ่ายภาครัฐจำนวนมากอาจบีบให้รัฐบาลต้องออกพันธบัตรเพิ่มขึ้น นำไปสู่แรงกดดันต่อค่าเงินเยน และอาจเร่งให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ)จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
สถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้กระทบเฉพาะญี่ปุ่น เมื่อ ‘การขึ้นดอกเบี้ย’ ถูกมองว่าอาจลุกลามไปยังตลาดทั่วโลก ความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงินของญี่ปุ่นอาจสั่นคลอนตลาดพันธบัตรโลกและค่าเงิน ส่งผลต่อ ‘บิตคอยน์(BTC)’ และตลาดคริปโตโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนักลงทุนสถาบันเลือกที่จะลดความเสี่ยง อาจทำให้เหรียญประเภทอัลท์คอยน์อย่าง ‘โดจคอยน์(DOGE)’, ‘เชนลิงก์(LINK)’, และ ‘พอลกาด็อต(DOT)’ เผชิญกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้น
*ความคิดเห็น*: แม้มาตรการของญี่ปุ่นจะมีผลบวกต่อเศรษฐกิจภายในประเทศระยะสั้น แต่นักลงทุนควรจับตาความเสี่ยงระยะยาวอย่างภาระหนี้และความอ่อนค่าของเงินเยน ซึ่งอาจฉุดให้ความผันผวนในตลาดคริปโตเร่งตัวขึ้น ผู้ค้าอาจต้องพิจารณายุทธศาสตร์ด้านอัตราดอกเบี้ยสากลและความสัมพันธ์ของค่าเงินเยนกับราคา ‘บิตคอยน์’ อย่างใกล้ชิดในช่วงต่อไป
ความคิดเห็น 0