สหภาพยุโรป(EU) บรรลุข้อตกลงในการผลักดันร่างกฎหมาย ‘ควบคุมแชท (Chat Control)’ เพื่อรับมือกับการเผยแพร่สื่ออนาจารเด็กทางออนไลน์ ทำให้ความขัดแย้งระหว่างบิ๊กเทคกับกลุ่มพิทักษ์ความเป็นส่วนตัวย้อนกลับมาอีกครั้ง หากร่างกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้จริง จะเพิ่ม *ความเป็นไปได้ในการสแกนข้อมูลส่วนบุคคล* ผ่านแอปส่งข้อความและแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ
เมื่อวันที่ 24 ตัวแทนของชาติสมาชิก EU ทั้ง 27 ประเทศได้ร่วมกันเห็นชอบในที่ประชุมคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปให้ผลักดันร่างกฎหมายฉบับใหม่เข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติอย่างเป็นทางการ โดยร่างนี้จะเข้ามาแทนที่กฎหมายเดิมเกี่ยวกับการควบคุมสื่ออนาจารเด็ก (CSAM) ที่จะหมดอายุในวันที่ 3 เมษายน 2026
ปีเตอร์ ฮุมเมลการ์ด(Peter Hummelgaard) รัฐมนตรียุติธรรมเดนมาร์ก ระบุว่า “ในแต่ละปีมีภาพอนาจารเด็กหลายล้านรายการถูกเผยแพร่บนโลกออนไลน์ เราไม่สามารถละเลยปัญหานี้ได้อีกต่อไป” พร้อมย้ำว่าข้อตกลงนี้ถือเป็น ‘จุดเปลี่ยนที่สำคัญ’
*ประเด็นร้อนแรงที่สุด* อยู่ที่ข้อกำหนดให้ผู้ให้บริการเอกชน เช่น แอปส่งข้อความ ตรวจสอบข้อความของผู้ใช้เพื่อจับตาความเป็นไปได้ของการล่วงละเมิดเด็ก โดยแม้ว่าในร่างล่าสุดจะไม่มีการบังคับให้สแกนข้อความทุกฉบับ แต่ก็ยังคงกรอบกฎหมายที่เปิดทางให้ผู้ให้บริการสามารถสแกนได้โดยสมัครใจ ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยี *การเข้ารหัสแบบปลายทางถึงปลายทาง (E2EE)* อย่าง เฟซบุ๊ก, วอทส์แอป, เทเลแกรม และซิกแนล ด้วย
นอกจากนี้ ต่อไปแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ จะต้องประเมินความเสี่ยงในการถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อการล่วงละเมิดและเตรียมมาตรการรับมือ ทั้งยังต้องร่วมมือกับศูนย์ตอบสนองสื่ออนาจารเด็กแห่งใหม่ของ EU และหากไม่ปฏิบัติตามก็อาจเผชิญบทลงโทษจากหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศสมาชิก
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ดูเหมือนจะไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้ทั้งสองฝ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพิทักษ์สิทธิด้านดิจิทัลที่ยังมองว่าเป็นนโยบายที่ *เปิดประตูสู่การสอดส่องข้อมูลส่วนตัว* หรือฝั่งหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่ยังคงกังวลว่าเนื้อหาการล่วงละเมิดเด็กอาจเล็ดรอดผ่านแพลตฟอร์มเข้ารหัสได้อยู่ดี
ฮาเวียร์ ซาร์ซาเลโฆส(Javier Zarzalejos) ประธานคณะกรรมการเสรีภาพ ความยุติธรรม และกิจการภายในรัฐสภายุโรป ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนเจรจาร่างกฎหมายครั้งนี้ ระบุว่า “เราต้องตระหนักถึงความเร่งด่วนในการสร้างกฎหมายเพื่อปกป้องเด็กจากการล่วงละเมิด พร้อมคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี”
*ความคิดเห็น*: การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ของ EU ถือเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างความพยายามปกป้องเด็กกับการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตาม หากความพยายามควบคุมแพลตฟอร์มที่ใช้ระบบเข้ารหัสเช่นนี้ขยายขอบเขตไปถึงสกุลเงินดิจิทัลหรือเครือข่ายบล็อกเชน ก็อาจกระทบต่อโครงการที่มุ่งเน้นด้านความเป็นส่วนตัวในอนาคต
*คำสำคัญ*: ควบคุมแชท, สหภาพยุโรป, สื่ออนาจารเด็ก, ความเป็นส่วนตัว, เทคโนโลยีเข้ารหัส, E2EE
ความคิดเห็น 0