บริษัท ALT5 ซิกมา(ALT5 Sigma) ได้ปลดผู้บริหารระดับสูง โดยมีการเปลี่ยนตัวทั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) โจนาทาน ฮิว และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ(COO) รอน ปีเตอร์ส เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสที่เชื่อมโยงบริษัทกับประธานาธิบดีทรัมป์ผ่านโครงการคริปโตที่มีชื่อเสียงด้านการเมือง
จากเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) การลาออกของฮิวยังไม่สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ โดยบริษัทกำลังเจรจาเรื่องเงื่อนไขการออกจากตำแหน่ง ในขณะที่โทนี ไอแซก หนึ่งในคณะกรรมการและอดีตประธานบริษัท ได้เข้ารับตำแหน่งรักษาการ CEO และเริ่มบริหารงานภายในทันที
ALT5 ซิกมาเป็นบริษัทด้าน ‘คริปโตเทรเชอรี’ ที่เน้นการใช้คริปโตเป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์ในงบดุล ได้เคยมีความเกี่ยวพันกับโปรเจกต์ฟินเทคอย่าง เวิลด์ ลิเบอร์ตี ไฟแนนเชียล (World Liberty Financial หรือ WLFI) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดีไฟ(DeFi) ขนาดเล็กที่มีชื่อเสียงเนื่องจากพันธะต่อแบรนด์ทางการเมืองของทรัมป์ โดยบริษัทได้มีการเข้าซื้อโทเคนของ WLFI ไว้ก่อนหน้านี้
แม้บริษัทจะยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารเป็นการลาออก ‘โดยไม่มีเหตุผล’ ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายใน แต่ยังไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อความร่วมมือกับ WLFI อย่างไร รวมถึงสายสัมพันธ์กับทรัมป์ก็ยังเป็นประเด็นที่ไม่ได้รับคำชี้แจงเพิ่มเติม โดย ALT5 ซิกมายังไม่ตอบคำถามใด ๆ จากสื่อมวลชนเกี่ยวกับประเด็นนี้
‘ความคิดเห็น’: การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในช่วงเวลานี้อาจมีนัยสำคัญต่อทิศทางของ ALT5 ซิกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทถูกจับตามองจากการมีส่วนร่วมกับโครงการเกี่ยวข้องกับทรัมป์ เช่น WLFI ซึ่งสะท้อนการเชื่อมโยงระหว่างคริปโตและเครือข่ายการเมืองอนุรักษ์นิยมในสหรัฐ ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาปัจจัยทางการเมืองควบคู่ไปกับเทคโนโลยีการพัฒนาโครงการ
แม้การลงทุนในโครงการอย่าง WLFI อาจดูน่าสนใจเชิงกลยุทธ์สำหรับบริษัทคริปโตเทรเชอรี แต่ความไม่แน่นอนจากการเมืองมีโอกาสกัดเซาะเสถียรภาพทางกลยุทธ์ได้ในระยะยาว ผู้ติดตามตลาดจึงควรจับตาการเคลื่อนไหวเชิงนโยบายและการบริหารภายในของ ALT5 ซิกมาอย่างใกล้ชิด
‘คำสำคัญ’: ALT5 ซิกมา, ทรัมป์, WLFI, คริปโตเทรเชอรี, ดีไฟ, การเมือง, ความเสี่ยงตลาด
ความคิดเห็น 0