ไบแนนซ์เร่งวางกลยุทธ์หวังคืนสู่ตลาดสหรัฐฯ ขณะสถานการณ์เริ่มเอื้อในยุคทรัมป์
ไบแนนซ์กำลังขยับอย่างเงียบ ๆ เพื่อกลับเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง โดยมีรายงานว่า ‘จางเผิง จ้าว(CZ)’ อดีตซีอีโอบริษัท ได้แสดงความเคลื่อนไหวเพื่อฟื้นอิทธิพลในตลาด พร้อมมีกระแสข่าวลือว่าอาจมีการปรับโครงสร้าง *ไบแนนซ์ ยูเอส(Binance.US)* เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของจ้าว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการขอใบอนุญาตใหม่ในหลายรัฐ
แม้จ้าวจะลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อปี 2023 หลังถูกหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ ตั้งข้อหาไม่ปฏิบัติตามกฎการป้องกันฟอกเงิน(AML) แต่เขากลับมามีบทบาทอีกครั้งหลังได้รับการ *นิรโทษกรรมจากประธานาธิบดีทรัมป์* เมื่อไม่นานมานี้ โดยในงาน ‘Binance Blockchain Week’ ต้นเดือนที่ผ่านมา จ้าวประกาศชัดเจนว่า “จะทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นศูนย์กลางของสินทรัพย์ดิจิทัล” สะท้อนความมุ่งมั่นในการคืนสู่ตลาดอีกครั้ง
‘ไบแนนซ์ ยูเอส’ เคยมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 35% ในสหรัฐฯ ก่อนจะได้รับแรงกดดันจากทางการจนสูญเสียใบอนุญาตในหลายรัฐ และจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถให้บริการได้ในมากกว่า 10 พื้นที่ รวมถึงเขตปกครองพิเศษต่าง ๆ โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าหนึ่งในอุปสรรคใหญ่คือ ’โครงสร้างผู้ถือหุ้นเดิมของจ้าว’
แม้ทางไบแนนซ์ระบุว่าองค์กรแม่ที่อยู่ต่างประเทศไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในสหรัฐฯ แต่รายงานวงในชี้ว่ามีการเตรียมการภายในเพื่อผลักดันให้บริษัทลูกในสหรัฐฯ ค่อย ๆ กลับเข้าสู่ตลาด ทั้งนี้ จ้าวและริชาร์ด เตง ซีอีโอคนปัจจุบัน ยังไม่ได้ให้ความเห็นใด ๆ ต่อสื่อมวลชน
ในขณะเดียวกัน บรรยากาศด้านนโยบายของสหรัฐฯ เริ่มเปลี่ยนทิศทาง โดยรัฐบาลทรัมป์มีท่าทีผ่อนคลายกับตลาดคริปโตมากขึ้น เช่นเดียวกับ *กฎหมายสเตเบิลคอยน์ GENIUS Act* ที่กำลังได้รับแรงสนับสนุนในสภาคองเกรส การยุติคดีความสำคัญบางส่วน และการเติบโตของความต้องการจากนักลงทุนสถาบัน ทำให้ตลาดสหรัฐฯ กำลังดึงดูดแพลตฟอร์มอย่าง *คราเคน* และ *เจมินี* พิจารณาการเข้าจดทะเบียน
‘ความคิดเห็น’: การผ่อนคลายกฎระเบียบภายใต้ทรัมป์เปิดโอกาสให้แพลตฟอร์มระดับโลกอย่างไบแนนซ์ กลับมาใช้สหรัฐฯ เป็นสนามแข่งขันได้อีกครั้ง
อีกหนึ่งสัญญาณสำคัญคือความร่วมมือด้านการลงทุนที่ไบแนนซ์กำลังสานสัมพันธ์กับ *แบล็คร็อก* โดยมีรายงานว่าสองฝ่ายอยู่ระหว่างดำเนินการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์การลงทุนที่นำ *กองทุนตลาดเงินแบบโทเคน* มาใช้เป็นหลักประกัน รวมไปถึงหารือเรื่องโมเดลแบ่งปันผลตอบแทนและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้แบล็คร็อกยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ ไบแนนซ์ยังมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองผ่านการติดต่อกับ *World Liberty Financial* บริษัทคริปโตที่ครอบครัวของ ‘ประธานาธิบดีทรัมป์’ มีบทบาทอยู่เบื้องหลัง ความเคลื่อนไหวนี้สอดคล้องกับแนวนโยบายของทรัมป์ที่มีจุดยืน “สนับสนุนคริปโต”
ไบแนนซ์ยังได้ปรับโครงสร้างภายในเพิ่มเติม โดย *อี้เหอ* หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งซึ่งมีบทบาทสูงสุดรองจากจ้าว ได้เลื่อนขึ้นเป็น ‘ซีอีโอร่วม’ เธอได้รับหน้าที่ขยายบทบาทต่อสาธารณะ เพื่อสะท้อนความแน่นแฟ้นและเสถียรภาพของทีมผู้บริหารในช่วงเปลี่ยนผ่าน
‘ความคิดเห็น’: การปรับโครงสร้างและขยายพันธมิตรของไบแนนซ์ อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดสหรัฐฯ กำลังก้าวเข้าสู่คลื่นลูกใหม่ของการฟื้นตัวจากภาคคริปโต โดยมี ‘การเมือง’ เป็นหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญ
ความคิดเห็น 0