ฮ่องกงเตรียมขยายบทบาทในตลาดคริปโตด้วยการวางกรอบกำกับดูแลใหม่สำหรับภาคธุรกิจประกันภัย โดยจะอนุญาตให้บริษัทประกันลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ แต่ต้องใช้ทุนของตัวเองเต็มจำนวนรองรับความเสี่ยง ภายใต้ ‘อัตราค่าเสี่ยงภัย (Capital Charge)’ ที่สูงถึง 100% สำหรับคริปโตที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของฮ่องกงที่จะควบคุมความผันผวนของตลาดคริปโต ในขณะที่ยังคงสนับสนุนการเติบโตของภาคสินทรัพย์ดิจิทัล
เมื่อวันที่ 4 ที่ผ่านมา สำนักงานกำกับดูแลประกันภัยฮ่องกง (Insurance Authority: IA) เผยร่างกรอบทุนใหม่ ที่กำหนดให้บริษัทประกันภัยที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลต้องตั้งสำรองทุนเต็ม 100% ของมูลค่าการลงทุน นั่นหมายความว่า หากบริษัทเลือกลงทุนในบิตคอยน์(BTC) หรืออีเธอเรียม(ETH) บริษัทจะต้องหันมาใช้ทุนของตนเกือบทั้งหมดรองรับโดยไม่มีอัตราทด ซึ่งสะท้อนถึง ‘ความไม่แน่นอนสูง’ ของคริปโต segúnความคิดเห็น ของหน่วยงานกำกับ
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้มีข้อยกเว้นบางส่วน โดยจะแยก ‘คริปโตที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ’ ออกจาก ‘สเตเบิลคอยน์’ ที่มีการอิงกับมูลค่าเงินตราอย่างชัดเจน สำหรับสเตเบิลคอยน์ เช่น USDT หรือ USDC ที่มีหลักทรัพย์รองรับแน่นอนนั้น ฮ่องกงจะจัดเก็บค่าเสี่ยงภัยที่ ‘ลดหลั่นกัน’ ไปตามระดับความมั่นคงของสินทรัพย์ค้ำประกัน โดยคริปโตประเภทหลังนี้อาจได้รับอัตราค่าเสี่ยงต่ำกว่าหากผ่านข้อกำหนดด้านความโปร่งใสและการกำกับดูแลแล้ว
ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่บ่งชี้ว่าฮ่องกงกำลังเดินหน้าสู่การเป็น ‘ศูนย์กลางคริปโตของเอเชีย’ แต่ยังคงรักษาความเข้มงวดด้านความปลอดภัยทางการเงิน หน่วยงานกำกับระบุว่าแม้เปิดโอกาสให้บริษัทประกันเข้าสู่ตลาดคริปโต แต่ด้วยระดับความเสี่ยงที่จำกัดและต้นทุนสูง ทำให้บริษัทที่สามารถลงทุนได้ต้องมี ‘ความแข็งแกร่งทางการเงินสูง’ และมีการจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวด ดังนั้น ในระยะเริ่มต้นคาดว่า จะมีเพียงบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้นที่สามารถเข้าสู่ตลาดนี้ได้จริง
ในขณะเดียวกัน ฮ่องกงยังเดินหน้าวางระบบนิเวศเชิงโครงสร้างรองรับการเติบโตของตลาดคริปโตอย่างเต็มรูปแบบ ตลอดปีนี้ มีการออกใบอนุญาตให้กับแพลตฟอร์มซื้อขาย, เตรียมประกาศกฎใหม่สำหรับผู้ออกสเตเบิลคอยน์ และผ่อนคลายกฎเพื่อเชื่อมโยงตลาดฮ่องกงกับ ‘สภาพคล่องทั่วโลก’ เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
ในงาน FinTech Week เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จูเลีย เลือง(Julia Leung) ซีอีโอของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (SFC) ยังชี้ว่า ฮ่องกงจะเปิดให้ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลกับสมุดคำสั่งกลางจากทั่วโลก เพื่อเชื่อมต่อตลาดกับประเทศอื่นแบบเรียลไทม์ ลดการซื้อขายแบบปิดที่เคยทำอยู่ก่อนหน้านี้
ความคิดเห็นจากภาคส่วนการเงินชี้ว่า นโยบายใหม่นี้แม้จะเป็นสัญญาณบวกต่อการพัฒนาตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว แต่ยังคงสร้าง ‘กำแพงขนาดใหญ่’ สำหรับผู้เล่นรายเล็ก โดยเฉพาะบริษัทประกันที่มีสภาพคล่องไม่มาก ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการกระจายความเสี่ยงของตลาดในภาพรวม
กระนั้นก็ตาม ฮ่องกงยังคงยึดแนวทางกำกับดูแลแบบ ‘การเงินดั้งเดิม’ เพื่อปกป้องนักลงทุนและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดคริปโต โดยเข้าควบคุมทั้งในด้านสภาพคล่องของตลาด, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และการบริหารความเสี่ยงอย่างโปร่งใส ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นแผนยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนฮ่องกงขึ้นเป็นผู้นำในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว
ความคิดเห็น 0