Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เอเรบอร์(Erebor) ธนาคารดิจิทัลสายคริปโตคว้าเงินลงทุน 350 ล้านดอลลาร์ ดันมูลค่าทะลุ 4.35 พันล้าน

ธนาคารดิจิทัลน้องใหม่ ‘เอเรบอร์(Erebor)’ ที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนชื่อดังอย่างปีเตอร์ ธีล(Peter Thiel) ประกาศรับเงินลงทุนรอบล่าสุดมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5,192 ล้านบาท) ส่งผลให้มูลค่าบริษัทพุ่งขึ้นแตะ 4.35 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 64,543 ล้านบาท) ท่ามกลางภาวะที่สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น การลงทุนในสถาบันการเงินที่เป็นมิตรกับคริปโตกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

เอเรบอร์เป็นธนาคารที่มีฐานจากเทคโนโลยี โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างปีเตอร์ ธีล ผู้ร่วมก่อตั้งเพย์พาล และพาล์มเมอร์ ลักกี้(Palmer Luckey) ผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีด้านกลาโหมอันดูริล (Anduril) ซึ่งนักลงทุนหลักในรอบนี้คือกองทุนลักซ์ แคปิตอล โดยมีผู้ลงทุนรายเดิมอย่างฟาวน์เดอร์สฟันด์, 8VC และฮอน เวนเจอร์ส ร่วมสมทบ เงินทุนใหม่ที่หลั่งไหลเข้ามาสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อธนาคารเกิดใหม่นี้ ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากภาครัฐอย่างเป็นทางการแล้ว

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เอเรบอร์ได้รับ ‘การอนุมัติเบื้องต้น’ สำหรับสถานะธนาคารจากสำนักงานควบคุมสกุลเงินของสหรัฐ(OCC) และต่อมาในเดือนธันวาคมก็ได้รับการอนุมัติประกันเงินฝากจากสำนักงานประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง(FDIC) ทำให้สามารถรองรับเงินฝากจากลูกค้าในสหรัฐได้ OCC ระบุว่า เอเรบอร์สามารถเป็นต้นแบบของโมเดลธนาคารที่จัดการสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย

ด้าน FDIC กำหนดเงื่อนไขด้านความมั่นคงทางการเงินอย่างเข้มงวด โดยเอเรบอร์ต้องถือเงินทุนขั้นต่ำ 276 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,097 ล้านบาท) และรักษาอัตราส่วนทุนขั้นที่หนึ่ง (Tier1 Leverage Ratio) ไม่น้อยกว่า 12% ในช่วงสามปีแรก ซึ่งเป็นมาตรการที่สะท้อนบทเรียนจากกรณีล่มสลายของซิลิคอนวัลเลย์แบงก์ในปี 2023

กลยุทธ์หลักของเอเรบอร์คือการมุ่งเป้าให้บริการลูกค้าในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลและฟินเทค โดยเฉพาะการพัฒนา *บริการทางการเงินที่ใช้ระบบหลังบ้านจากสเตเบิลคอยน์* ซึ่งเป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุนอย่างมาก ทั้งนี้ยังมีรายงานว่า ข้อตกลงการลงทุนรอบนี้อาจมีการแนบ ‘ข้อตกลงเรียกทุนเพิ่มเติม’ (Capital Call Agreement) เพื่อเปิดช่องให้มีการเพิ่มทุนในอนาคต

ในขณะที่ธนาคารแบบดั้งเดิมต่างหลีกเลี่ยงการทำธุรกิจกับบริษัทคริปโตเนื่องจากความเสี่ยงด้านกำกับดูแล เอเรบอร์ในฐานะธนาคารที่ได้รับใบอนุญาตกลับถูกมองว่าเป็นผู้เล่นที่สามารถเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว และด้วยการประเมินมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงยิ่งตอกย้ำความคาดหวังของตลาด

แม้ยังไม่มีการยืนยันวันเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ แต่จากรายงานพบว่า เอเรบอร์มีแผนเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2026 ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลให้ครบถ้วน หากได้รับการตอบรับเชิงบวกจากหน่วยงานเหล่านี้ อาจทำให้แผนเปิดตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ ธนาคารแห่งนี้ที่ก่อตั้งโดยนักเทคโนโลยีรุ่นใหญ่กำลังถูกจับตามองในฐานะ *โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยุคใหม่* ซึ่งอาจเปลี่ยนโฉมการให้บริการธนาคารสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐอย่างมีนัยสำคัญ

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1