DWF Labs ผู้ดูแลสภาพคล่องในตลาดคริปโต ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่สินทรัพย์จริงโดยการทำธุรกรรมทองคำแท่งจริงเป็นครั้งแรก นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัทคริปโตที่หันเหออกจากโลกดิจิทัล โดยในวันที่ 24 ที่ผ่านมา อันเดรย์ กราเชฟ หุ้นส่วนผู้จัดการของบริษัท เปิดเผยว่าการซื้อขายครั้งนี้เป็น “การทดสอบ” ด้วยทองคำแท่งขนาด 25 กิโลกรัม และดำเนินการผ่านระบบจัดเก็บและชำระบัญชีแบบดั้งเดิม ไม่ใช้ระบบบล็อกเชน
การเข้าสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในเวลาที่ ‘ราคาทองคำ’ และ ‘โลหะมีค่า’ กำลังพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถือเป็นการตอบสนองต่อภาวะไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดย DWF Labs ตั้งเป้าขยายสู่การค้าขายโลหะเงิน แพลตินัม และฝ้ายในอนาคต ซึ่งตรงข้ามกับเทรนด์ของบริษัทคริปโตอื่นๆ ที่เน้นการ ‘โทเคนไนซ์’ สินทรัพย์จริง
ราคาฟิวเจอร์สทองคำล่าสุดพุ่งสูงทะลุ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แซงหน้าการเคลื่อนไหวของ ‘บิตคอยน์(BTC)’ และตลาดคริปโตโดยรวมที่มีแนวโน้มราคาทรงตัว แม้นักลงทุนจะยังใช้คริปโตเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยง แต่ความผันผวนในตลาดคริปโตก็เป็นข้อจำกัด
นอกจากการเข้าสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ DWF Labs ยังเดินหน้าสนับสนุนวงการสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านการเปิดตัวกองทุน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับช่วยโครงการบล็อกเชนระดับกลางให้ขยายตัว พร้อมกับกองทุน DeFi สำหรับนักลงทุนสถาบันมูลค่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนเทรนด์ที่บริษัทคริปโตเริ่มรุกเข้าสู่ตลาดการเงินแบบดั้งเดิมเพื่อกระจายรายได้และขยายฐานลูกค้า
ด้านกลยุทธ์ของบริษัทอื่น ‘Coinbase’ ก็วางแผนสร้างแพลตฟอร์ม “ทุกอย่างในที่เดียว” โดยเตรียมเปิดให้บริษัทต่างๆ โทเคนไนซ์หุ้นของตนเพื่อการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทาง Coinbase ระบุว่า “เราเชื่อว่าอนาคตของสินทรัพย์ทั้งหมดจะถูกโทเคนไนซ์” รายงานวิจัยจาก Deutsche Bank ชี้ว่าความเคลื่อนไหวนี้จะช่วยขยายตลาดเป้าหมายของ Coinbase ทั้งในฝั่งรายย่อยและสถาบัน พร้อมรับมือกับภาวะยอดเทรดคริปโตที่อาจลดลง
ขณะเดียวกัน หลายบริษัทคริปโต เช่น Circle และ BitGo ต่างเร่งยื่นขอใบอนุญาตเพื่อเข้าสู่ระบบธนาคารหรือทรัสต์อย่างเป็นทางการ เพื่อขยายบริการทางการเงินให้ลูกค้ากลุ่มใหม่
*ความคิดเห็น: การเข้าสู่ตลาดทองคำของ DWF Labs แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทคริปโตบางแห่งที่ต้องการเป็นมากกว่าสื่อกลางการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมองหาโอกาสใหม่ในโลกการเงินดั้งเดิมที่ยังเติบโต*
ความคิดเห็น 0