วินเทอร์มิวต์ประกาศคัดค้านข้อเสนอการจัดโครงสร้างโทเคนของอาเว(AAVE) ซึ่งเป็นการจุดประเด็นความขัดแย้งภายในกลไกการกำกับดูแลของแพลตฟอร์มดิไฟชื่อดัง โดยมีข้อกังวลเกี่ยวกับความไม่ชัดเจนในด้านโครงสร้างและผลกระทบของข้อเสนอต่อผู้ถือโทเคน รายงานนี้กลายเป็นจุดสนใจสำคัญสำหรับชุมชนคริปโตที่ติดตามประเด็นความโปร่งใสและการจัดการของ DAO
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม แยฟเกนี กาโวย(Yevgeny Gaevoy) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของวินเทอร์มิวต์ ได้โพสต์บน X (เดิมคือ Twitter) ระบุว่า “ข้อเสนอนี้ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับโครงสร้างและผลที่ตามมา แต่กลับขอให้ผู้ถือโทเคนตัดสินใจเรื่องสำคัญ” พร้อมยืนยันว่าวินเทอร์มิวต์ลงทุนใน AAVE ตั้งแต่ปี 2022 และมีบทบาทในด้านการกำกับดูแล ทว่าไม่ได้ถือหุ้นใน Aave Labs แต่อย่างใด
กาโวยยังแสดงความเห็นว่า ข้อเสนอนี้ไม่เพียงแต่ชวนให้สงสัย แต่ยังสะท้อนรอยร้าวระหว่าง Aave Labs กับผู้ถือโทเคนเกี่ยวกับ ‘การแบ่งปันมูลค่า’ (Value Capture) กรณีที่เด่นชัด คือ การไม่ตกลงกันว่าใครควรรับผิดชอบการพัฒนาธุรกิจหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการหารายได้และขยายตลาด “สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น เมื่อเสียงวิจารณ์พาดพิงกันว่าแต่ละฝ่ายกำลังพยายามเข้ายึดอำนาจภายใน DAO” เขาเสริม
ในขณะที่เขายอมรับว่าเสียงวิจารณ์บางประการมีเหตุผล ทว่าการโจมตี Aave Labs ด้วยท่าทีก้าวร้าวเกินไปอาจส่งผลเสียต่อภาพรวมของชุมชน “ราคาของ AAVE ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งภายในนี้โดยตรง” กาโวยกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้โอกาสนี้เป็นการ ‘ตรวจอุณหภูมิ’ เพื่อประเมินความคิดเห็นเบื้องต้น และเร่งหาวิธีลดความขัดแย้ง
ข้อมูลจากระบบโหวต Snapshot ซึ่งปิดลงเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ระบุว่า ข้อเสนอของ Aave มีแนวโน้มจะถูกปฏิเสธ โดยมี ‘ผู้โหวตไม่เห็นด้วย’ มากถึง 55% ขณะที่ 41% เลือกไม่ออกเสียง และมีเพียง 3.5% เท่านั้นที่สนับสนุน
ข้อเสนอดังกล่าวมีจุดประสงค์ให้ทรัพย์สินแบรนด์ของ Aave เช่น ชื่อโดเมน โซเชียลมีเดีย และสิทธิ์ทางการตลาด ถูกควบคุมโดย DAO ที่ดำเนินการผ่านผู้ถือโทเคน แต่กระบวนการที่เร่งรัดและการขาดการปรึกษาหารือล่วงหน้า นำไปสู่กระแสต้านอย่างรุนแรง ความตึงเครียดปะทุขึ้นตั้งแต่ข้อเสนอแรกที่พยายามให้รายได้จากค่าธรรมเนียมสวอปตกเป็นของบริษัท แทนที่จะคืนกลับสู่ DAO ซึ่งเป็นเม็ดเงินหลักหลายล้านดอลลาร์
ความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Aave เตรียมเดินหน้าวิสัยทัศน์ปี 2026 ด้วยแผนขยายหลักสามส่วน ได้แก่ ‘Aave V4’, ‘โครงการ Horizon’ และ ‘แอป Aave’ V4 จะมุ่งเน้นแก้ปัญหาสภาพคล่องที่แยกส่วน เพิ่มการหมุนเวียนทุนได้คล่องตัวมากขึ้น Horizon จะนำทรัพย์สินในโลกจริง เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ มาใช้เป็นหลักประกันเพื่อดึงดูดลูกค้าสถาบัน ขณะที่ Aave App ตั้งเป้าขยายฐานผู้ใช้ทั่วไปหลายล้านคน
อย่างไรก็ตาม ความแตกแยกภายในที่กำลังก่อตัวขึ้นอาจสั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อแผนการในระยะยาว ความเห็นจากผู้สังเกตการณ์หลายรายชี้ว่า หาก Aave ต้องการเดินหน้าตามเป้าหมายเหล่านี้ การกู้คืนความเชื่อมั่นในด้านโครงสร้างการบริหารและความเป็นธรรมในการกระจายคุณค่าจำเป็นต้องมาก่อน
‘ความคิดเห็น’: กรณี Aave สะท้อนให้เห็นว่าการกำกับดูแลแบบกระจายศูนย์มั่นคงไม่ได้เกิดจากเพียงการกระจายโทเคน แต่ต้องมีความโปร่งใส ความร่วมมือ และความเข้าใจในระยะยาวระหว่างผู้สร้างโปรเจกต์กับผู้ถือโทเคนด้วย.
ความคิดเห็น 0